͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ตัวแล้ว ศพหญิงลอยอืดคลองหมากแข้ง แม่เชื่อถูกฆ่า ห่วงหลานสาว6ขวบไม่รู้ชะตากรรม  (อ่าน 491 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16766
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ศพหญิงลอยอืดคลอง / จากกรณีมีพนักงานขับรถบรรทุกขยะ สนง.ทน.อุดรธานี พบหญิงสาวนิรนาม ลอยอืดคว่ำหน้าอยู่ในคลองน้ำห้วยหมากแข้ง บริเวณหน้าสถานีสูบน้ำห้วยหมากแข้ง ถนนเลี่ยงเมือง อุดร-หนองคาย ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี

โดยแพทย์ระบุเสียชีวิตมาราว 1 สัปดาห์ และยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด เบื้องต้นตามร่างกายไม่พบบาดแผลและร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบเมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่ ห้องพักศพรพ.ศูนย์อุดรธานี นายชัยณรงค์ วงศ์นุกูล อายุ 56 ปี และนางรัชนก ทองเบ้า อายุ 45 ปี ชาวบ้านหนองแก ต.หนองนาคำ อ.เมืองอุดรธานี เดินทางมาดูศพผู้ตาย หลังเข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีที่ สภ.เมืองอุดรธานี

ทันทีที่พบศพต่างพากันยืนยันว่าเป็นศพของ น.ส.วนิดา วงศ์นุกูล หรือนิด อายุ 30 ปี ภรรยาของนายชัยณรงค์ และลูกของนางรัชนก เพราะจากสภาพฟันด้านบนของผู้ตายที่หลอเกือบทั้งหมด และร่องรอยการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ รวมถึงรูปร่างของผู้ตายที่เล็กกว่าคนปกติที่ตรงกับศพผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายเป็นคนไม่สมประกอบมาตั้งแต่แรกเกิด

นายชัยณรงค์ เปิดเผยว่า อยู่กินกับผู้ตายมา 8 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อน้องอีวา อายุ 6 ขวบ ก่อนภรรยาและลูกสาวหายออกจากบ้านไป วันที่ 26 ก.พ. ตนยังมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่บ้านพัก หลังเลิกงานก็ไม่พบกันอีกเลย มีคนเห็นว่าขนข้าวของใส่ถุงปุ๋ยและกระเป๋าเดินทางพร้อมลูกสาว ว่าจ้างรถ จยย.พ่วงข้างของคนในหมู่บ้านให้ไปส่งที่สถานี บขส.อุดรธานี แห่งที่ 1 เขตเทศบาลนครอุดรฯ ซึ่งทางบ้านก็ได้ออกตามหาบ้านญาติทุกแห่งแต่ก็ไม่พบ ก่อนเข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.เมืองอุดรธานี เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา

ที่แรกไม่ได้คิดอะไร เนื่องจากผู้ตายชอบหายออกจากบ้านเป็นประจำ แล้วจะกลับบ้านมาเอง แต่ไม่เคยเอาลูกสาวไปด้วย จนกระทั่งผ่านไป 3 วัน หลังจากตามหาทุกหนแห่งแต่ก็ไม่พบ จึงมาแจ้งความคนหายที่โรงพักเมืองอุดรธานี ให้ช่วยติดตามลูกสาวและภรรยาของตนให้ด้วย หลังจากทราบข่าวจากสื่อ ว่ามีคนพบศพผู้หญิงลอยอืดในห้วยหมากแข้ง วันนี้ตนจึงมาดูพบว่าเป็นศพภรรยาของตนจริง แต่ลูกสาวของตน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรยังไม่รู้

ส่วน นางรัชนก พูดทั้งน้ำตาคลอว่า ผู้ตายเป็นคนไม่สมประกอบมาตั้งแต่เกิด มีนิสัยเชื่อคนง่าย จากการสอบถามคนในหมู่บ้าน ทราบว่าลูกสาวลักลอบคบหากับชายหนุ่มชาวอีสานใต้ พูดจาสำเนียงคนไทยภาคกลาง ทำให้มั่นใจว่าลูกสาวต้องหนีตามชายคนดังกล่าวแน่นอน หรือถูกลวงไปฆ่าด้วยวิธีใดยังไม่ทราบ เพราะทางตำรวจและแพทย์เวรระบุว่าไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย และศพเสียชีวิตมาหลายวัน ทำให้ยากต่อการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต

ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์และตรวจดีเอ็นเอของตนและลูกสาว ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตและตัวบุคคลที่ชัดเจนกว่านี้ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ลูกสาวตนว่ายน้ำไม่เป็น และหากคิดฆ่าตัวตายคงทำอยู่ที่บ้าน คงไม่เดินทางมาฆ่าตัวตายที่ห้วยหมากแข้ง ที่ห่างจากบ้านถึง 15 ก.ม.และมั่นใจว่าถูกลวงมาฆ่าอย่างแน่นอน

นางรัชนก กล่าวต่อว่าที่คิดมากในตอนนี้คือห่วงหลานสาวที่ยังไม่ทราบชะตากรรม เมื่อคืนวันที่ 9 มี.ค. ลูกสาวมาเข้าฝันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและแต่งตัวสวย ผมสั้นประบ่า แต่ในฝันไม่เห็นหลานสาว ตนจึงถามว่าหลานสาวอยู่ไหน แต่ลูกสาวตอบว่าไม่รู้ว่าไปไหน คล้ายกับแกล้งตนให้กังวลใจ เพราะตนรักหลานสาวคนนี้มาก จากนั้นก็เห็นหลานสาววิ่งมากอดตน

และคืนวันที่ 10 มี.ค.ต่อมา ตนก็ฝันเห็นลูกสาวแต่ครั้งนี้ใบหน้าเศร้าหมอง ถามอะไรก็ไม่ตอบ และตกใจตื่นขึ้นมา ก่อนมาทราบข่าวว่าพบศพหญิงสาวตายอืดในลำห้วยหมากแข้ง ขอยืนยันว่าเป็นศพของลูกสาวตนแน่นอน

ต่อมา ร.ต.อ.คมกริช ไชยวรรณ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าของคดีได้เชิญตัว นายบัวลอง ศรีจันทร์หอม อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 122 ม.11 ต.โพนงาม องหนองหาน จ.อุดรธานี คนขับรถ จยย.พ่วงข้างที่ได้รับว่าจ้างจากผู้ตายให้ไปส่งที่สถานี บขส.อุดรฯ แห่งที่ 1 มาสอบปากคำในฐานะพยาน

โดยให้การว่า ตนมาพักอาศัยอยู่กับญาติที่บ้านหนองแก ต.หนองนาคำ ราว 1 เดือน หลังจากภรรยาเสียชีวิตไป และได้ขับรถ จยย.พ่วงข้างไปส่งผู้ตายและลูกสาวจริง โดยได้ค่าจ้าง 300 บาท และได้ทริปเพิ่มอีก 100 บาท รวมเป็น 400 บาท โดยได้รับเงินจาก นายอ้วน ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง แต่รูปร่างกลับผอมผิวสีดำ เป็นชาวอีสาน จ.บุรีรัมย์ ที่รออยู่คิวรถ บขส.อุดรธานี แห่งที่ 1 เพราะเห็นและได้ยินผู้ตายเรียกชื่อ และคุยกัน

โดยตนไม่ทราบว่าเขานัดกันมา ทำอะไรและจะเดินทางไปไหน หลังรับเงินค่าจ้างตนก็กลับบ้าน จนกระทั่งมีตำรวจมาเชิญตัวมาสอบสวน และทราบว่าคนที่ตนไปส่งเสียชีวิตแล้ว รู้สึกตกใจมาก และไม่เกี่ยวข้องกับการตายแต่อย่างใด