วิจัยอิสราเอลชี้
วัคซีนไฟเซอร์เข็ม 4 ลดอัตราการตายจากโควิดได้มากกว่าเข็ม 3
งานวิจัยจากอิสราเอลเปิดเผยเมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ว่า ผู้สูงอายุที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทค เข็มที่ 4 มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าผู้ที่ฉีดเข็มที่ 3 ถึง 78%
สถาบันคลาลิต (Clalit) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการดูแลสุขภาพใหญ่ที่สุดของอิสราเอลเปิดเผยว่า งานวิจัยชิ้นนี้ใช้เวลา 40 วันโดยมีผู้เข้าร่วมการทดลองมากกว่า 5 แสนคนที่มีอายุระหว่าง 60-100 ปี โดยผู้เข้าร่วมประมาณ 58% ฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ส่วนที่เหลือฉีดแค่เข็มที่ 3 ซึ่งผลปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิต 92 รายในกลุ่มผู้ที่ฉีดเข็ม 4 และ 232 รายในกลุ่มผู้ที่ฉีดเข็ม 3
นายโรเน็น อาร์เบล นักวิจัยผลลัพธ์ทางสุขภาพจากคลาลิตและวิทยาลัยซาเปอ กล่าวว่า "เราได้ข้อสรุปจากงานวิจัยครั้งนี้คือ วัคซีนเข็มที่ 4 ช่วยชีวิตได้"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า งานวิจัยดังกล่าวลงตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารล่วงหน้าแบบ pre-print และยังไม่ได้ผ่านการทบทวนจากผู้ทรงคุณวุฒิ (peer-review) นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังไม่รวมถึงผู้ฉีดวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาและผู้ที่รับประทานยาเม็ดต้านโควิด-19 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของอิสราเอลได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตลอดช่วงการระบาด ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า บริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคจะยื่นเรื่องต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ เพื่อขออนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็ม 4 ในกลุ่มผู้มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
หาก FDA ให้การอนุมัติ วัคซีนเข็ม 4 จะนำไปใช้กับผู้มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการเจ็บป่วยที่รุนแรงและเสียชีวิตจากโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ FDA ได้อนุมัติวัคซีนเข็มบูสเตอร์สำหรับผู้ที่อายุ 12 ปีขึ้นไปเป็นกรณีฉุกเฉิน