͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าร่วง หลังเจรจายูเครน-รัสเซียล้มเหลว,วิตกเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง  (อ่าน 10 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าร่วง หลังเจรจายูเครน-รัสเซียล้มเหลว,วิตกเงินเฟ้อสหรัฐพุ่ง

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าดิ่งลง หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 40 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังมีรายงานว่า การเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครนประสบความล้มเหลว

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 25,064.74 จุด ร่วงลง 625.66 จุด หรือ -2.44%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,222.79 จุด ดิ่งลง 667.47 จุด หรือ -3.20% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,224.92 จุด ร่วงลง 71.18 จุด หรือ -2.16%

นักลงทุนวิตกกังวลหลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.8%

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครนยังกดดันตลาด หลังจากการเจรจาระหว่างนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย และนายดมิโทร คูเลบา รมว.ต่างประเทศยูเครน ไม่มีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายประสบความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว หรือการกำหนดเส้นทางปลอดภัยสำหรับชาวยูเครนที่จะอพยพออกจากประเทศ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวจัดขึ้นที่ตุรกีเมื่อวานนี้ และใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง

ทางด้านนางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า IMF มีแนวโน้มที่จะปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกปีนี้ หลังนานาประเทศได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน

สำหรับรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจที่มีการเผยแพร่เมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้น IMF ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.4% ในปี 2565 ซึ่งปรับตัวลงเล็กน้อยจากระดับ 5.9% ในปี 2563 แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ใหม่อย่างเป็นทางการ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานไปแล้ว กรมศุลกากรเกาหลีใต้เผยว่า ยอดส่งออกของเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 14.9% แตะ 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 วันแรกของเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับ 1.63 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ชิปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม