ฝีกร้องเพลง สวัสดีนะครับ วันนี้ครูฟิล์มถ่ายรูปจะมาสอนร้องเพลงเบื้องต้นให้ทุกๆคน โดยจะเป็นการแนะนำวิธีการร้องเพลงพื้นฐานที่ทุกๆคนที่ต้องการจะขับร้องด้วยเหตุว่าควรทำให้ได้ ซึ่งสามารถนำไปฝึกฝน เรียนร้องเพลงได้ด้วยตัวเองที่บ้านนะครับ
สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ >> บทความ เรียนร้องเพลง
https://www.rongpleng.com/ บทความนี้เขียนโดยอาจารย์ฟิล์ม ธนพรรษ ตัวแทนของภูมิภาคทวีปเอเชียของหลักสูตรสอนร้องเพลง Modern Vocal Training จากยุโรปที่มีโครงข่ายทั่วทั้งโลก โดยใช้วิธีการร้องที่ช่วยประเด็นการปฏิบัติงานของเส้นเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
อย่างที่รู้กันว่าการร้องที่ดีจำต้องอาศัยสมดุลระหว่างกล้ามและก็ลม เพื่อให้เกิดสมดุลที่ดีสำหรับในการออกเสียง เมื่อเราศึกษาที่จะขับร้องอย่างมีสมดุลแล้ว เราจะสามารถเปล่งเสียงสูงและก็ต่ำได้อย่างเพราะขอรับ
วันนี้มาดูกันว่า เราน่าจะจำต้องฝึกฝนอะไรกันบ้างเพื่อให้เราขับร้องได้น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆครับ ครูฟิล์มถ่ายรูปขอเสนอ 10 ข้อที่ควรฝึกฝน เวอร์ชั่นที่ 1 ครับผม
1. ร่างกาย - การฝีกร้องเพลงเป็นการดำเนินงานประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อที่ช่วยสำหรับเพื่อการออกเสียง รวมทั้งระบบการหายใจที่มีประสิทธิภาพ ถ้าอยากจะเรียนร้องเพลงด้วยตัวเอง สิ่งที่จำเป็นต้องทำเป็นลำดับแรกก็คือ ตรวจสอบร่างกายของพวกเราว่ามีความผิดปกติอย่างไรบ้าง บางบุคคลมีลักษณะอาการยืนแล้วหัวเชิดไปด้านหน้า บางบุคคลมีอาการเกร็งที่หัวไหล่ ท้อง หรือคอ โดยที่ไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นอย่างแรกเป็นยืดและก็คลายกล้ามเนื้อให้เป็นธรรมชาติเพื่อจัดแจงสำหรับในการร้องในขั้นถัดไปนะครับ
2.ลมหายใจ - ลมหายใจเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เส้นเสียงเราปฏิบัติงานได้ แม้กระนั้นอย่างไรก็ดี การสอนร้องเพลงที่ดี ก็ไม่ควรที่จะจุดโฟกัสที่ลมหายใจสิ่งเดียว บางบุคคลมุ่งความพึงพอใจทั้งผองไปที่เรื่องของการหายใจ ดังนั้นการฝึกหัดร้องในขั้นต้นที่ดี คือมีสมาธิกับลมหายใจที่เป็นธรรมชาติ ไม่หายใจตื้นเหลือเกิน ชีพจรไม่เต้นลึกเกินความจำเป็น ไม่ฉุดกระชากลมหายใจ ไม่กลั้นหายใจ เมื่อหายใจแล้วจำเป็นต้องไม่เกิดอาการเกร็งในบริเวณต่างๆยกตัวอย่างเช่น คอ ท้อง ข้างหลัง ไหล่ และก็อื่น การหายใจจะต้องเป็นไปอย่างธรรมชาติ หายใจเข้าสุด ออกสุด ไม่รู้เรื่องสึกหน้ามืด มึนหัว หรือจะเป็นลม เราสามารถฝึกหายใจให้ช้าลง หรือเร็วขึ้นได้ ตามและก็เพลงแต่ละเพลงที่พวกเราจึงควรร้อง ในขั้นตอนนี้อยากที่จะให้คิดเสมอว่า การหายใจเป็นวิธีการธรรมชาติ ถ้าหากทำแล้วรู้สึกขัดๆไม่เป็นธรรมชาติ คุณอาจจะกำลังฝึกหายใจไม่ถูกอยู่ก็เป็นไปได้
3.การเปล่งโน้ตให้นิ่ง - การเปล่งหรือร้องโน้ตให้นิ่งนั้นเป็นการนำแนวทางการใช้เสียงในข้อ 1 แล้วก็ข้อ 2 มารวมกัน เพื่อที่จะได้ให้พวกเราสามารถร้องเสียงที่มีความนิ่งแล้วก็ไพเราะได้ ไม่สั่นคลอน ไม่อ่อนแอ ไม่อ่อนแรง ในช่วงแรกของการสอนร้องเพลง จะเน้นไปที่ประเด็นนี้ก่อนเป็นหลัก เด็กนักเรียนที่เรียนร้องเพลงโดยมากก็จะควรจำเป็นต้องควบคุมเสียงให้ได้นิ่ง ฝีกร้องเพลงเพื่อเป็นพื้นฐานสำหรับการเรียนสิ่งที่ยากขึ้น การที่เสียงเรานิ่งหมายความว่าเราสามารถควบคุมการทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีอาการเกร็งเกินความจำเป็น หรืออ่อนแอเกินไป ซึ่งเป็นพื้นฐานของเทคนิคการออกเสียงที่ดี
4.การเพิ่มเร้นจ์เสียง - ภายหลังที่เราสามารถทำเสียงได้นิ่งแล้ว พวกเราก็ควรจะเพิ่มตอนเสียงของเราให้ลดน้อยลงรวมทั้งสูงมากขึ้นโดยที่ยังสามารถควบคุมเสียงได้นิ่ง แบบฝึกหัดการยืดเสียงแล้วก็ร้องเพลงเสียงสูงก็สามารถหาได้จากเว็บไซต์ ร้องเพลงดอทคอม ของครูฟิล์มถ่ายรูปนะครับ การเพิ่มความกว้างของช่วงเสียงให้สูงขึ้นแล้วก็ลดน้อยลง จะทำให้พวกเราสามารถร้องที่ยากขึ้นได้ ทำให้มีความหวือหวาเยอะขึ้น ปกติแล้วหากได้เรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง อาจารย์สอนร้องเพลงก็จะชี้แนะให้เรารู้จักเสียงในช่วงต่างๆไม่ว่าจะเป็นช่วงๆเสียง Chest, Mix และก็ Head Voice ซึ่งเราน่าจะทำความเข้าใจและควบคุมให้ได้อย่างดี เพื่อนำไปพัฒนาต่อในขั้นตอนต่อไปขอรับ ตัวอย่างแบบฝึกหัดการขยายเส้นเสียงสามารถหาถึงที่เหมาะ
https://www.rongpleng.com/how-do-i-increase-my-vocal-range/ 5.การ blend เสียงจากต่ำไปสูงโดยไร้รอยต่อ - การเชื่อมเสียงต่ำไปเสียงสูงโดยไม่มีรอยต่อ พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าสามารถร้องเสียงต่ำไปเสียงสูงได้โดยที่ไม่มีอาการปลิ้น ไหมมีลักษณะเปลี่ยนเป็นเสียง falsetto , หรือเสียงหลบบาง อย่างเฉียบพลัน วิธีการฝึกเสียงให้เชื่อมต่อกันแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ การสอนร้องเพลงโดยใช้เคล็ดลับที่ช่วยเรื่องการยืดของเส้นเสียงแล้วก็แนบกันของเส้นเสียง จะช่วยทำให้เราขึ้นเสียงสูงได้โดยไม่ปลิ้นและไม่เกร็ง ซึ่งขั้นตอนการเรียนร้องเพลงโดยใช้หลักการอย่างนี้ควรต้องมีโค้ชหรือครูสอนร้องเพลงที่ศึกษาด้านนี้มาโดยตรงซึ่งจะมีผลให้การออกแบบแบบฝึกหัดต่างๆมีคุณภาพ ยิ่งแบบฝึกหัดฝึกฝนขับร้องมีประสิทธิภาพมากเท่าไรก็จะทำให้ปัญหาหายไปได้เร็วเท่านั้น ซึ่งการมีเสียงที่เชื่อมต่อกันทำให้พวกเราสามารถร้องเพลงได้ไพพวกเราโดยไม่สะดุด รื่นหู แล้วก็มีความเกี่ยวเนื่อง เวลาเราจำเป็นต้องฝีกร้องเพลงยากๆก็สามารถร้องได้โดยไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือเปล่ากระตุ้นให้เกิดอาการที่เสียงสะดุด
6.การเพิ่มสีสันให้กับเสียงร้อง - นอกเหนือจากที่เสียงของพวกเราจำเป็นต้องนิ่งทั้งเสียงสูงและเสียงต่ำแล้ว การเพิ่มสีสันให้เสียงของเราก็มีความหมายด้วยเหมือนกัน สีสันของเสียงร้อง บางทีอาจจะเรียกได้อีกอย่างว่าการใส่ effect ให้กับเสียงร้อง ไม่ว่าจะเป็นเสียงหนา เสียงบาง เสียง fry เสียง cry การใส่ลูกคอและอื่นๆก็ถือเป็นการเพิ่มสีสันให้เสียงร้องด้วยเหมือนกัน แนวทางการร้องที่มีชีวิตชีวาในเนื้อเสียงทำให้เราสามารถเล่าเรื่องและถ่ายทอดเพลงออกมาเจริญ และลึกซึ้งขึ้น ทำให้ผู้ฟังรู้สึกอินตามได้มากขึ้น และก็ยังเพิ่มเสน่ห์ให้กับการร้องเพลงของตัวเองด้วยครับ
7.การเรียนรู้ส่วนประกอบของบทเพลง - การศึกษาส่วนประกอบของเพลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดนตรีต่างๆสไตล์ดนตรี อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีหลัก อุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีรอง การเขียนท่อนต่างๆของเพลง ท่อนพีคสุดถูกวางไว้ตรงไหน หรือท่อนที่เด่นที่สุดคือท่อนไหน ถ้าหากเรารู้ส่วนประกอบของเพลง พวกเราจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้ตรงกับสิ่งที่เพลงเพียรพยายามจะติดต่อสื่อสารเยอะที่สุด เราจะรู้ว่าควรใช้เสียงแล้วก็อารมณ์แบบไหนในท่อนไหน ทำให้เพลงไม่นิ่ง ทำให้เพลงมีชีวิตขึ้นมา ทำให้พวกเราวางแผนใช้เสียงและก็การร้องได้ละเอียดมากขึ้น
8.การถ่ายทอดอารมณ์ในบทเพลง - การถ่ายทอดอารมณ์ในเพลงทำเป็นนานัปการรูปแบบ อาจจะเป็นการฝึกฝนข้อ 6 แล้วก็ข้อ 7 รวมกัน ต่อจากนั้นก็นำมาใช้ ร่วมกับความสามารถสำหรับในการแสดง เว้นเสียแต่เรียนร้องเพลงแล้วก็ฝึกร้องเพลงให้เชี่ยวชาญแล้ว ถ้าหากมีโอกาสได้เรียนการแสดงเพิ่ม ก็สามารถที่จะทำให้เราสามารถเลือกกระบวนการสื่อสารผ่านทางร่างกาย สีหน้าท่าทาง ลีลาได้ดีขึ้น เมื่อบวกกับเสียงของพวกเราที่มีอารมณ์อยู่ในนั้นแล้ว เราจะเพิ่มความน่าสนใจให้การขับร้องได้อีกมาก เพลงที่พวกเราร้องจะไม่เป็นเพลงปกติอีกต่อไป แม้กระนั้นจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่หน้าคนหา ทำให้คนฟังรู้สึกเชื่อฟังได้ง่ายๆ
9.การฝึกหัดการขึ้นเวทีแล้วก็การใช้ไมค์ - เมื่อเราได้ฝึกหัดร้องมาแล้ว ตั้งแต่ข้อ 1 ถึง 8 พวกเราควรเริ่มนำทุกๆอย่างมารวมกันบนเวที โดยการเริ่มฝึกซ้อมบนเวที รู้จักการใช้เวทีรวมทั้งการใช้ไมค์ให้ไม่เคะเขิน ให้รู้สึกเป็นธรรมชาติ คิดว่าสบาย ไม่เกร็ง บนเวที ข้อนี้ก็จำเป็นต้องอาศัยการซ้อมให้ชำนิชำนาญ และควรจะมีโค้ชที่ทำหน้าที่ดูแลการส่งเสียงร้องให้เรา จะได้ไม่ร้องหรือแสดงออกมามากมายไปหรือน้อยไปจนไม่เป็นธรรมชาติ การใช้ไมค์ก็ด้วยเหมือนกัน ที่จะต้องฝึกฝนให้พอดี ใช้อย่างฉลาด เพื่อช่วยทำให้การร้องของเราไหลลื่นขึ้น และไม่อ่อนเพลีย
10.การแสดงสดจริงต่อหน้าต่อตาผู้ชม - ต่อให้พวกเราฝึกฝนมาดีแค่ไหนแต่ว่าไม่เคยได้ลงทดลองเวทีจริงก็บางทีก็อาจจะไม่ได้ให้เราแข็งแเกร่งขึ้น ฉะนั้นครูฟิล์มถ่ายรูปแนะนำมากมายก่ายกองให้หาช่องทางแสดงสดต่อหน้าต่อตาผู้ชมจริงๆเพื่อเพิ่มความชำนาญการแสดงสด รวมทั้งที่สำคัญนักเรียนจะได้พบเหตุการณ์จริง ความรู้สึกจริงระหว่างการแสดงซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากมายที่ผู้เรียนควรจะต้องเรียนรู้ตนเองว่าเมื่อถึงเวลาจะต้องแสดงจริงจะจัดแจงกับความรู้สึก ความตื่นเต้น สายตาคนมอง รวมทั้งคำคอมเม้นต์อย่างไร ทำความเข้าใจที่จะเอาชนะความหวาดกลัว ศึกษาที่จะเอาชนะตัวเองให้ได้ และร้องอย่างมีความสุข
คนไหนกันแน่ที่พอใจเรียนร้องเพลงไม่ว่าจะเป็นเรียนร้องเพลงออนไลน์ หรือเรียนร้องเพลงแบบเจอตัว เข้ามาเรียนที่สตูดิโอ ก็สามารถติดต่ออาจารย์ฟิล์มถ่ายรูปพอดีไลน์ไอดี @rongpleng จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาอยู่ครับ
ติดตามช่องทางอื่นๆของ Rongpleng.com และบทความเกี่ยวกับแนวทางการร้องถึงที่เหมาะ
-Official Website
https://www.rongpleng.com/ -Official FB page
https://www.facebook.com/rongplengdotcom -Official Instagram
https://www.instagram.com/rongpleng -สำหรับคนที่สนใจเริ่มการร้องเพลงอย่างถูกต้องกับอาจารย์ฟิล์ม อาจารย์เดีย ครูโชกุน อาจารย์พูม คุณครูเกรซในทีม “ขับร้องดอทคอม” สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ตามวิถีทางข้างล่างครับผม
- - - - -
อยากร้องเพลงเก่งๆแอดไลน์ไว้เลย Official Line : @rongpleng
หรือกดที่ลิงค์
https://lin.ee/qYJouC6 -Tel: 099-2324519
-Line : @rongpleng
-rongpleng@gmail.com
- - - - -
#ถามเพราะเหตุใดค์ #อาจารย์ฟิล์มถ่ายรูป #ร้องดอทคอม #คุณครูฟิล์มสอนร้องเพลง #การฝึกฝนเสียงChest #ฝึกเสียงให้แข็งแรง #สอนร้องเพลง #เรียนร้องเพลง #ฝึกหัดขับร้อง
- - - - -
แหล่งที่มา บทความ เรียนร้องเพลง
https://www.rongpleng.com/
