ด้วยสถานการณ์ฝุ่นผง PM 2.5 หรือโควิด – 19 ทำให้คนจำนวนไม่น้อยอยากใช้ตัวช่วยปรับบรรยากาศด้วยเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง ลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรค และก็ถ้าคนใดที่มีแผนสำหรับการจะเลือกซื้ออยู่อยากที่จะให้ลองศึกษารายละเอียดต่อไปนี้ดู หลังจากนั้นค่อยเปรียบเทียบกันชัดๆว่าจะเลือกแบรนด์ไหนใช้งานที่เยี่ยมที่สุด เพื่อให้การเลือกซื้อตัดสินใจง่ายยิ่งกว่าเดิม ได้ของดีมีคุณภาพตามคาดหวัง
พาไปชมเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหน ต้องใจใช่เลย1. Sharp FP-J30TA-B
ต้องบอกคุณสมบัติของ
เครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FP-J30TA-B 23 ตารางเมตร ,uเทคโนโลยีทรงพลัง Plasma Cluster Ion ปล่อยพลังบวกแล้วก็ลบได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด สามารถจัดการกับเชื้อไข้หวัดนก H5N1 เชื้อแบคทีเรีย และก็ฆ่าเชื้อโรคต่างๆได้ การทำงานเงียบมาก ตั้งเวลาไว้ได้ 4 หรือ 8 ชั่วโมง มี HEPA Filter แบบกรองฝุ่นละอองได้อายุการทำงานราว 2 ปี เก็บฝุ่นผงต่างๆได้ทันใจ มีไฟเครื่องหมายแจ้งเตือนเมื่ออยากเปลี่ยนไส้กรอง
2. Philips AC0820/20
มาต่อกันที่
เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820/20 49 ตารางเมตร กันบ้าง โดยจะมีความสามารถสำหรับเพื่อการดักจับฝุ่นขนาดเล็ก ไปจนกระทั่งขนาดใหญ่ ทั้งยังแบบมองเห็นและไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็หายห่วง ดักจับฝุ่นขนาด 0.003 ไมครอนได้ ซึ่งเล็กยิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 เสียอีก มีหน้าจอสำหรับแสดงผลเพื่อบอกสภาพอากาศ หรือสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เหมาะสมกับการวางไว้ภายในพื้นที่ 532 ตารางฟุต มีระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ ใช้เวลา 16 นาทีก็ฟอกอากาศให้ห้องที่มีขนาด 20 ตร.ม. ได้แล้ว
3. Xiaomi XMI-FJY4031GL(3H)
จบท้ายกันที่
เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น XMI-FJY4031GL(3H) 45 ตารางเมตร ด้วยความสามารถสำหรับในการฟอกอากาศที่บริสุทธิ์ได้ 400 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง มีความแม่นยำสูงแบบเซนเซอร์ Micro-scale Particle Laser มีแรงดันไฟฟ้า 100 – 240 โวลต์ พื้นที่ใช้งาน 45 ตร.ม. สามารถเชื่อมต่อด้วยแอพ Mi Home ได้ พร้อมระบบเสียงควบคุมอัจฉริยะ AI หน้าจอสัมผัสเป็นแบบ OLED Touch Display ที่สำคัญเซนเซอร์เป็นแบบ Micro-scale Particle Laser ที่มีความแม่นยำสูงมาก ไวต่อคุณภาพอากาศประเภทที่เป็นแบบ Real-time กันเลยทีเดียว
ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างจะได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ที่รีวิวมานี้ก็มีความน่าสนใจต่างกันออกไป สรุปว่าเลือกในแบบที่เหมาะสมตอบโจทย์การใช้งานของตนเองมากที่สุดจะดีกว่า ที่สำคัญต้องศึกษาคู่มือแนะนำการใช้งานก่อนด้วย รวมทั้งระวังวิธีการใช้แบบผิดๆยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรดึงหรือบิดสายไฟ ไม่ควรวางใกล้พื้นที่ที่อับเปียกชื้น อย่างเช่น ในห้องสุขา หรือหน้าห้องสุขา ไม่ควรวางใกล้กับวัตถุไวไฟต่างๆ ไม่ควรวางเครื่องลักษณะเอียง หรือทางลาดชันด้วยเหตุว่าจะเสี่ยงร่วงตกลงมาได้ เท่านี้การันตีอากาศในบ้านจะดียิ่งขึ้นอีกมากมาย