͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: “อาย-ว่านไฉ” เผยฤกษ์แต่งงาน มี.ค. 65 ฝันจัดงานแต่งแบบโรดทริป   (อ่าน 95 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PostDD

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14907
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


อาย-ว่านไฉ” เผยฤกษ์แต่งงาน มีนาคมปี 65 ลุ้นจะได้จัดงานในลักษณะไหนหากโควิด-19 ยังระบาดเช่นนี้ มองแต่งงานแบบโรดทริป (ขับรถเที่ยว) แล้วค่อยจัดงานฉลอง ลั่นหากเดินทางออกนอกประเทศได้จะขอแต่งงานซ่อม รับทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คุย 1 เดือนขอเป็นแฟน คบกันไม่ถึงปีก็ขอแต่งงาน แต่เกิดในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายผ่านการเติบโตที่สุดในชีวิตแล้วจึงทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น

เก็บเงียบอยู่นานถึง 3 เดือนในที่สุดคู่รัก “อาย กมลเนต เรืองศรี” และ “ว่านไฉ อคิร วงษ์เซ็ง”หรือ “ว่านไฉ AF5” ก็เผยคลิปขอแต่งงานกันกลางป่าสุดโรแมนติก ล่าสุด อาย-ว่านไฉ ก็ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนเล่าถึงแพลนการใช้ชีวิตคู่หลังจากที่ จะเป็นอย่างไรบ้าง

ว่านไฉ : “ด้วยสภาวะโควิดครับ เราเคยคิดไว้ว่าในชีวิตนึงที่เราจะขอแฟนเราแต่งงานก็อยากไปที่ที่มันเริ่ดหรู แต่พอสถานการณ์แบบนี้ก็ back to basic เลยครับ อายเขาเป็นคนชอบธรรมชาติมากๆ อยู่แล้ว ทริปนั้นไปถ่ายรายการที่เชียงดาวพอดีก็เลยคิดว่าโอกาสนี้น่าจะดีสุดแล้ว ก็ไร้แผนการมาก ผมก็พกแหวนแต่งงานเอาไว้ตลอด ก็มีความยากนะ เพราะอายเขาจะจับโป๊ะผมได้ทุกครั้งที่พยายามจะเซอร์ไพรส์”

อาย : “เรามีการคุยเรื่องนี้กันก่อนอยู่แล้วว่าเราจริงจังกันทั้งคู่ที่จะมองเห็นถึงว่าวันนึงเราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ แต่เขาได้มีการคุยกับทางบ้านของอายแล้ว เขาจะคอยบอกว่าจะไปออฟฟิเชียลขอแต่งงานที่อลาสก้าตลอด เราไม่เคยไปอลาสก้าด้วยไง เราก็เอ๊ะมันจะเป็นยังไงนะ เลยทำให้ทริปนี้มันศูนย์เปอร์เซ็นต์เลยว่าเอ๊ะ เขาจะมาขอ”

มีคำถามจากทางบ้านมาเยอะว่าเซอร์ไพรส์จริงไหม เลยบอกไปว่าถ้ารู้ก่อนขอแต้มสิวนิดนึง ขอสวยหน่อย สภาพตอนนั้นคือหน้ามัน หัวยุ่งเข้าป่า เสื้อเลอะขี้โคลนกันหมด มันเรียลจริงๆ”

ว่านไฉ : “ผมเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้ขอแต่งงานวันนั้น อย่างที่บอกว่าผมพกแหวนแต่งงานเอาไว้ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เราไม่เลือกสถานที่ แต่ขอเป็นโมเมนต์ที่รู้สึกว่ามันน่ายินดีมากๆ และเขาน่าจะชอบโมเมนต์นั้น ก็เอานาทีนั้นแล้วกัน”

รู้สึกโลกดับตอนถูก “ว่านไฉ” ขอแต่งงาน เล่าร้องไห้อยู่ 5 นาทีก่อนจะตอบตกลง
อาย : “โมเมนต์ตอนนั้นเรารู้สึกว่าจริงเหรอ ไม่เคยถูกขอแต่งงานไง ต่อหน้าคนเต็มเลย อายไม่รู้จะทำหน้ายังไง ทำหน้าไม่ถูก อายรู้สึกโลกมันดับ ป่ามันดับไปหมดเลย ก็ร้องไห้ ตอนแรกยอมรับว่าหูดับ จำได้ตอนสุดท้ายแต่งงานกับเรานะ”

ว่านไฉ : “เรามองเห็นภาพว่าเขาคือเจ้าสาวที่ผมจะแต่งงานด้วย อยากเห็นสภาพแบ็กกราวน์ที่เขียวชอุ่ม ก็เป็นโมเมนต์นั้นพอดีเลยที่ป่าช่วงนั้นมันสวยมากๆ มันมีแต่พลังงานดีๆ มีแต่รอยยิ้ม ความสงบในใจ เราก็คิดว่าโมเมนต์นี้น่าจะดีที่สุดแล้ว มันก็เขินมากนะ เราก็คุยกับตากล้องตรงนั้นเลยว่าถ่ายให้หน่อย เราจะขออายแต่งงานนะ ในคลิปที่ได้ดูกันคือคลิปที่ถูกตัดให้สั้นลงแล้ว เขาไม่ตอบ อ้ำอึ้ง”

อาย : “ร้องไห้อยู่ค่ะ ปกติเราเคยแต่ถูกขอแต่งงานในบทละคร เรารู้สึกบทสนทนาจะเป็นยังไง แต่พอถึงเวลาของเราจริงๆ เราพูดอะไรไม่ถูกเลย แล้วน้ำมูกไหลเยอะมาก”

ว่านไฉ : “ก็รอคำตอบอยู่ 5 นาที ฟังดูไม่นานครับ แต่สำหรับคนที่ขอแต่งงานไปแล้วรอคำตอบอยู่มันนานมากๆ เลย เราก็มีความกลัวเกิดขึ้น”

อาย : “เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย มันเป็นโมเมนต์ที่เรารู้สึกว่าเราพูดไม่ออกเลย ปากสั่น”

ว่านไฉ : “ดีใจมาก เราก็ไชโย”

เผยแหวนที่ขอแต่งงานไปหลวมมาก ต้องเอาไปแก้ใหม่
ว่านไฉ : “ผมเลือกไว้เอง เราสองคนคุยกับที่บ้านไว้อยู่แล้วว่าเราจะคุยถึงขั้นแต่งงาน เพียบแต่ยังไม่ได้บอกว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ผมก็พาคุณแม่ของผมไปช่วยเลือกแหวน เพราะไม่รู้ต้องวัดไซส์อะไร ยังไง”

อาย : “ไซส์คือหลวมมากค่ะ”

ว่านไฉ : “อันนี้บอกกับทุกคนไว้เลยว่า ทางร้านเขาจะบอกว่านิ้วก้อยของคุณผู้ชายมันจะเท่ากับนิ้วนางเสมอ”

อาย : “ซึ่งไม่จริงเลยค่ะ เรื่องของเรื่องคือเขาพยายามจะวัดไซส์แหวนอายมาเยอะแยะมากมาย ให้น้องโปรดิวเซอร์มาหลอกคุย เอาจริงๆ คือเรารู้นะว่าจะมาขอเหรอ แต่มันก็นานมาแล้วซึ่งน้องคนนั้นก็ไม่ได้ไซส์ไปเสียที”

ว่านไฉ : “ก็เลยเชื่อร้านแหวน นิ้วก้อยของเราเท่ากับนิ้วนางของผู้หญิงเสมอ”

อาย : “หลวมจนแบบต้องใส่แบบกำมือไว้”

ว่านไฉ : “มันแก้ได้ครับ”

เผยฤกษ์แต่งงานมี 2 ฤกษ์ คือช่วงมีนาคม และ พฤษภาคมปีหน้า ลุ้นจะได้จัดงานในลักษณะไหน
อาย : “จริงๆ เราอยากให้สถานการณ์มันสบายๆ กว่านี้”

ว่านไฉ : “เราขอแต่งงานกันก่อนที่จะล็อกดาวน์รอบที่ผ่านมาครับ ซึ่งแพลนตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันจัดงานยังไม่ได้ แพลนจริงๆ ที่ดูฤกษ์ไว้คือมีนาคมปีหน้า ไม่ก็พฤษภาคม ก็ต้องมาลุ้นกันว่าในช่วงนั้นจะจัดงานได้ในลักษณะไหน”

แพลนอยากจัดงานเล็กๆ เรียบง่าย
อาย : “มันเป็นเรื่องของสเกลงานมากกว่า เราทั้งคู่อยากจะจัดงานเล็กๆ”

ว่านไฉ : “ตอนแรกจะจัดเล็กๆ แต่พอประกาศแต่งงานไป เราก็เล็กไม่ได้แล้ว คนก็เข้ามาแสดงความยินดีกันเยอะมาก”

อาย : “แต่สุดท้ายยังไงอายก็จะดูที่สถานการณ์เป็นหลักและความเรียบง่าย หลักๆ เราก็จะเอาที่ครอบครัวของเราทั้งคู่ ความเป็นสิริมงคลกับการที่จะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ในเรื่องของการเฉลิมฉลองเรายังไม่รู้ว่า ณ ปัจจุบันนั้นเราจะสามารถทำได้หรือเปล่า”

ว่านไฉ : “ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าโควิดจะไปเสียทีนึง ถ้าโควิดไปเราก็จะสามารถจัดงานได้ ถ้าโควิดยังอยู่เราคงต้องจัดงานเล็กก่อน แล้วงานเฉลิมฉลองค่อยว่ากัน”

อาย : “โควิดอาจจะอยู่กับเราไปจนเราแซยิดเลยก็ได้”

ฝันแต่งงานด้วยการเดินทางแบบโรดทริปไปด้วยกัน 2 คนแล้วค่อยจัดงานฉลอง
ว่านไฉ : “เราคุยกันมาก่อนครับว่าไม่อยากได้งานแต่งงานที่ตัดเค้กปูน คือเค้กปลอม มีลูกโป่ง มีเด็ก เราอยากได้งานที่มันยูนีกกว่านั้น ด้วยความที่ผมเป็นนักท่องเที่ยว นักเดินทาง ผมก็มีภาพในหัวอยากแต่งงานแบบโรดทริป จัดงานที่ไปด้วยกัน 2 คน ส่วนงานเฉลิมฉลองก็ค่อยว่ากันอีกทีนึงว่ายังไง”

อาย : “แต่ก็ไม่รู้ เพราะสุดท้ายแล้วเขายังจะขออายที่อลาสก้าอยู่เลย และภาพจริงเป็นภาพในป่าที่เราหน้ามันอยู่ มันไม่มีอะไรบอกได้เลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นแบบไหน สุดท้ายกลายเป็นตัดเค้กปูนก็ได้ ทุกอย่างที่เราพูดกันไว้มันจะไปเกิดขึ้นในวันจริงของเรา ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ลั่นขอแต่งงามซ่อมแน่นอน
ว่านไฉ : “มีแน่นอน คุยกับทีมไว้ว่าเราคบกันจนเราจะแต่งงานกันอยู่แล้วยังไม่เคยไปต่างประเทศด้วยกันเลย ทั้งๆ ที่ผมทำงานเดินทางต่างประเทศตลอด ก็เลยบอกอายว่าทันทีที่ไปได้จะพาไปเที่ยวจนแม่ลืมหน้าเลย จะพาไปทั่วโลกเลย เพราะจริงๆ เราก็ตั้งใจว่าอยากจะเดินทางกับเขาให้ได้เยอะที่สุด”

ศึกษาดูใจคบหากันไม่ถึงปีก็ตัดสินใจขอ “อาย” แต่งงาน แต่เป็นเพื่อนกันมาเป็น 10 ปีแล้ว
ว่านไฉ : “ไม่ถึงปีครับ ก่อนหน้านี้เป็นเฟรนด์โซนกันมาตลอด เฟรนด์โซนกันเป็น 10 ปี แล้วก็ไม่ใช่เฟรนด์ที่สนิทด้วย เป็นเฟรนด์ที่รู้ว่านี่ว่านไฉ่ นี่น้องอาย

อาย : “เคยร่วมงานกันตอนที่อายเล่นซิกเซ้นส์ แล้วพี่ว่านโปรดิวซ์เพลงให้ นั่นก็คือเรื่องแรก แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อน เพราะว่าเราสายเดียวกันตั้งแต่แฟตเรดิโอ ตั้งแต่ขายเสื้อยืดสนุกแฟตทีเชิ้ต สมัยเด็กๆ เลย”

บอกจริงๆ แอบชอบ “อาย” มานานแล้ว ยิ่งได้มาเจอครอบครัวของฝ่ายหญิงเลยทำให้ตัดสินใจแต่งงาน
ว่านไฉ : “เอาจริงๆ ไม่เคยบอกใครเลยนะว่า จริงๆ ผมแอบชอบเขามานานแล้ว แอบชอบตั้งแต่…จะมีโมเมนต์หนึ่งที่งาน โอเวอร์โค้ท มิวสิก ที่สวนผึ้ง เราได้นั่งดูคอนเสิร์ตกันสองคนแบบเป็นเพื่อน เรานั่งคุยกัน เขาอาจจะจำไม่ได้ว่าเรานั่งคุยกันนานเลย รู้สึกว่าเขาน่ารักจังเลย แต่ด้วยความที่ในช่วงเวลาเราไม่ได้มาคาบเกี่ยวกันสักเท่าไหร่ ต่างคนก็อาจจะมี แล้วเราไม่เคยได้โคจรมาเจอกันในลักษณะคุยกันแบบนี้เลยครับ แล้วทั้งหมดทั้งมวลวันหนึ่งเราโตขึ้น เราสั่งสมประสบการณ์ความชอบของตัวเอง แล้ววันหนึ่งมันดันโสดทั้งคู่ ได้มาเจอกันแล้วก็ยังรู้สึกว่าเขายังน่ารักเหมือนเดิม แต่เราไม่ได้คิดว่าจะจีบ มันก็เกิดจากความเข้าใจผิด ไปกินข้าวกันไม่ได้เจอกันมานาน แล้วเราก็เริ่มคุยโทรศัพท์ เขาก็คุยโทรศัพท์กับเราประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็รู้สึกว่าเราพิเศษ เขาต้องรู้สึกอะไรกับเราแน่ๆ เลย จน ณ วันนี้ครับที่ผมขอเขาแต่งงานไปแล้ว เขาคุยโทรศัพท์นานมากๆ ครับ แบบนี้กับทุกคน(หัวเราะ) แม้ว่าจะเป็นทีมผมโทร.ไปสัมภาษณ์งาน

อาย : “เขาเรียกอายว่าอายเทเลคอมตลอด คือเราเป็นคนชอบคุยไง”

ว่าน : “นั่นแหละ แล้วเราก็รู้สึกว่าก็ดีนะที่ความเข้าใจผิดวันนั้นที่ทำให้เรารู้สึกว่าเขารู้สึกกับเรา เราก็เลยกล้าที่จะเปิดความรู้สึกของเราให้เขารู้ แล้วก็บานปลายมาจนถึง (หัวเราะ)”

อาย : “แต่จริงๆ เขาบอกว่าเขาชอบแม่อายด้วย ชอบแม่ ชอบอาม่า ชอบครอบครัว”

ว่าน : “ตอนแรกก็จะขอแต่งงานอาม่าครับ อาม่ามีสามีแล้ว”

อาย : “อากงฉัน (หัวเราะ)”

ที่ตัดสินใจแต่งงานกับ “อาย” เพราะได้เห็นเวลาฝ่ายหญิงใช้ชีวิตกับครอบครัว ดูแล้วน่ารักมาก
อาย : “คือความรู้สึกเรามันค่อนข้างเร็วมากกับตอนที่เขาเข้ามา ณ วันที่เขาเข้ามาที่ยังไม่ได้จะจีบ เรายังรู้สึกเหมือนเป็นพี่ว่านกับน้องอายในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ห้าปีสิบปีก็ยัง เฮ้ยพี่ว่าน เจอกันก็จะเป็นแบบนี้ แต่เราก็ไม่เคยแม้แต่จะโทรศัพท์คุยกันหรือแม้แต่จะไปกินข้าวด้วยกัน ไม่เคยเลย จนเหมือนพอมีโอกาสที่เขาได้มาที่บ้าน คืออายจะมีเพื่อนมาหาที่บ้านเยอะมาก เขาก็ได้มาด้วย แต่ได้มาโดยที่เขาไม่รู้ว่าบ้านเราคุณแม่ทำกับข้าวอร่อย อาม่าน่ารัก”

ว่าน : “ที่บ้านเขาจะน่ารักมากๆ ครับ แล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนเราได้เห็นความน่ารักของครอบครัวเขาและได้เห็นที่เขาดูแลครอบครัวได้ดี มันเหมือนเราเลย ชีวิตเราคล้ายๆ กันเลย”

อาย : “เป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนกัน”

ว่าน : “ผมก็เป็นคนที่ดูแลครอบครัวได้ดีมากๆ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าได้อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้นก็น่าจะน่ารักดี นั่นก็เป็นความคิดตอนแรกๆ ก่อนที่จะขอเป็นแฟนอีก คิดเล่นๆ ว่า เฮ้ย เขาน่ารักจังเลย น่ารักเป็นมวลรวมที่เรารู้สึกว่าเราอยากอยู่ด้วยครับ”

ยอมรับทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากก็จริง แต่เกิดในช่วงที่ทั้งสองฝ่ายผ่านการเติบโตที่สุดในชีวิตแล้วจึงทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
อาย : “อันนี้ใช่ แต่ถ้าย้อนกลับไป ณ วันที่ยังเป็นพี่ว่านกับน้องอายกันอยู่ แล้วเขาเหมือนมาบอกว่าเขาชอบเรา อายก็ตกใจมาก เพราะมันเร็วสำหรับเรา ปกติอายจะคุยหรือจะเปลี่ยนพัฒนาการความสัมพันธ์กับคนสักคนหนึ่งซึ่งมีไม่ได้เยอะมากในชีวิต อายคุยกันเป็นปี ซึ่งนี่ไม่ถึงเดือนเลย แต่ว่าด้วยอายุ ณ ตอนนี้ กับอายุของพี่ว่าน การผ่านประสบการณ์ รวมถึงแบ็กกราวน์ที่เรารู้จักกันมา แต่อาจจะไม่สนิท เลยทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าในชีวิต แล้วก็ช่วงเวลาที่ได้กลับมาคุยกัน เขาเติบโตที่สุดในของเขา และเราก็เติบโตในช่วงเวลาที่เราเติบโตที่สุดแล้ว มันเลยคลิกและเข้าใจ ก็เลยลองคุยกันคบกัน แต่งานกันเร็วมาก (หัวเราะ)

”ว่าน : “ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากแต่ว่าเราคิดกันถี่ถ้วนมากๆ แล้วครับ ด้วยความที่เราโตแล้วเนอะ เราตัดสินใจได้เฉียบคมมากยิ่งขึ้นกว่าตอนเด็กๆ เราขอกันเป็นแฟนก็เร็วมาก”

อาย : “เร็ว และก็ไม่ยอมเป็นแฟนกับเขาด้วย อายบอกว่าไป เป็นเฟิร์นพอ”

ว่าน : “เฟิร์นก็ยังดีมากกว่าเฟรนด์”

อาย : “จริงๆ คือตอนนั้นที่หันไปเห็นต้นเฟิร์นต้นปลอมอยู่ข้างหลังเขา ก็เลยบอกว่า ไม่เป็นแฟนเป็นเฟิร์นแทนได้ไหม เหมือนจะเล่นๆ นะ แต่มันเขินมาก”

ใช้ เมโระ สตูดิโอ เป็นเรือนหอ
ว่าน : “ถ้าเกิดคนดูก็จะดูว่ามุมสวยงาม แต่จริงๆ เป็นไซต์ก่อนสร้างอยู่ ยังไม่เสร็จ ตรงนี้ก็จะเป็นออฟฟิศอาสาพาไปหลง แล้วก็รายการ กมน แล้วก็มีสตูดิโอเล็กๆ อาจจะดูว่าให้เช่าถ่ายแฟชั่น หรือว่าให้เช่าถ่ายโฆษณา เอ็มวี อะไรอย่างนี้ แล้วเรือนหอก็จะอยู่ด้านหลัง และก็ออฟฟิศอยู่ด้านหลัง ตอนนี้ยังไม่เสร็จ”

อาย : “เรื่องของเรื่องเขาทำรายการอาสาพาไปหลง ก็จะเริ่มไล่ถ่ายไปทีละห้องๆ คนดูจะได้เติบโตไปกับเรา เพราะตอนนี้ข้างล่างก็ยังเป็นอิฐมวลเบาอยู่เหมือนกัน”

ขอบคุณคำอวยพรที่ทุกคนส่งมาให้
อาย : “ขอบคุณมากที่ทุกคนมาแสดงความยินดีกับเรา จริงๆ อยากตอบให้หมดทุกคนเลย ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยตอบไอจี แต่ตอนนี้พยายามตอบจนนิ้วล็อก และปวดตามากเลย (หัวเราะ) เมื่อก่อนเวลาลงไอจีก็จะไม่ค่อยโฟกัส แต่ตั้งแต่ประกาศมาก็พยายามไล่ดูแต่ไม่หมด ก็ขอขอบคุณอย่างเป็นทางการตรงนี้ด้วย และก็ขอบคุณเพื่อนๆ จริงๆ มีไม่เยอะหรอกที่รู้ว่าเราถูกขอแต่งงาน และเก็บเป็นความลับมาได้ตั้ง 3 เดือน ก็ขอขอบคุณมากๆ”

ว่านไฉ : “ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความยินดี ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณบรรยากาศที่ทำให้เราโคจรมาเจอกันในอีกบริบทหนึ่งที่เป็นบริบทที่มากกว่าเพื่อน และขอบคุณทุกบรรยากาศที่ทำให้เราได้มาตกหลุมรักกัน และขอแต่งงานกันครับในวันนี้ครับ”