͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เช็ค! 5 ข้อสังเกตตนเอง เสี่ยงรู้สึกสิ้นหวัง  (อ่าน 104 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Cindy700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15687
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


 วันนี้ (9 กันยายน 2564) กรมสุขภาพจิต เดินหน้ารณรงค์ประชาสัมพันธ์ด้านสุขภาพจิตเนื่องในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกประจำปี 2564 หรือ World Suicide Prevention Day 2021 โดยผลักดันแคมเปญ “See You Tomorrow แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญของความหวังและพลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ สามารถสร้างความหวังจาก      สิ่งเล็กๆ น้อยรอบตัวและส่งต่อให้คนรอบข้างเพื่อพบกันในวันพรุ่งนี้ด้วยสุขภาพจิตที่ดีและลดการสูญเสียจากการฆ่าตัวตาย          พร้อมกิจกรรมแถลงข่าวการเสวนาออนไลน์ และกิจกรรมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศอีกมากมายตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน เป็นต้นไป

     แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ในช่วงวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกประจำปี 2564           หรือ World Suicide Prevention Day 2021 ซึ่งตรงกับวันที่ 10 กันยายนของทุกปี กรมสุขภาพจิตได้ผลักดันและรณรงค์เพื่อสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดีเพื่อลดการสูญเสียจากการฆ่าตัวตายในประเทศไทย โดยในปีนี้เป็นปีที่ประชาชนต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนอย่างมหาศาลหลายคนรู้สึกหมดหวังและท้อแท้จากสถานการณ์ที่ต่อเนื่องยาวนานเกิดภาวะเหนื่อยล้าจากโรคระบาดและปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมาอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก กรมสุขภาพจิตเล็งเห็นว่า การที่ทุกคนในสังคมสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความหวังและพลังใจ เป็นหัวใจสำคัญที่สุดของการฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้


  กรมสุขภาพจิตจึงผลักดันแคมเปญ “See You Tomorrow แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้” เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงการสังเกตตนเองว่ามีความเสี่ยงในการรู้สึกสิ้นหวังหรือไม่ โดยสามารถสังเกตได้จาก

1. ความคิดและความรู้สึกที่สุดขั้ว เช่น รู้สึกไร้ทางออกโดยสมบูรณ์ รู้สึกผิดอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ หรือโกรธเกลียดอย่างรุนแรง ซึ่งความคิดและความรู้สึกเช่นนี้เป็นปัจจัยนำไปสู่การสิ้นหวังหรือหมดใจได้ง่าย

2. รู้สึกยอมแพ้ไปหมด เชื่อมั่นว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว อาจบ่นและตำหนิมากขึ้นแต่ขาดแรงที่จะเดินเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สถานการณ์ที่ดีขึ้น

3. แยกตัวจากสังคม ซึ่งยิ่งแยกตัวมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ตัวเราเองนั้นจมอยู่กับความเชื่อและความสิ้นหวังของตนเองมากขึ้น การตัดขาดจากสังคมจะนำไปสู่ความวิตกกังวลและอาการซึมเศร้าที่มากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นตามไปด้วย

ซึ่งหากเราหรือคนใกล้ชิดมีความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ อาจนำไปสู่ความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียด้านสุขภาพจิตและการเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายได้ในที่สุด


     การสร้างความหวังและพลังใจในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ง่ายนัก แต่ทุกคนมีศักยภาพในการสร้างความหวังให้ตนเองและส่งต่อให้คนอื่นได้ โดยมีแนวทางที่สามารถปฏิบัติได้ดังนี้

1. สำรวจความคิดและอารมณ์ของตนเอง โดยหากมีลักษณะสิ้นหวังหรือสุดขั้ว ให้ลองพยายามปรับมุมมองและพยายามควบคุมความคิดและอารมณ์ให้คงที่เท่าที่จะทำได้

2. จัดการในสิ่งที่พอจัดการได้ โดยเริ่มแบ่งสัดส่วนของปัญหาต่าง ๆ โดยเริ่มจัดการเรื่องเล็กน้อยที่พอทำได้ก่อน แล้วจึงขยับไปจัดการเรื่องที่ใหญ่ขึ้น โดยพักเรื่องที่จัดการไม่ได้เอาไว้ก่อน

3. เชื่อมต่อกับคนรอบข้าง โดยเน้นการเปิดใจ พูดคุยกับคนในครอบครัว หรือคนที่สนิทและพร้อมที่จะรับฟัง

4. หาตัวอย่างของความหวัง โดยอาจหาได้จากสื่อต่าง ๆ หรือจากเรื่องราวจากคนรอบข้างที่ผ่านพ้นอุปสรรคมาได้ในอดีต เพื่อให้เชื่อมั่นว่าเราสามารถเติบโตจากวิกฤตได้

5. ช่วยสร้างความหวังให้ผู้อื่น โดยผ่านการทำงานจิตอาสาหรือช่วยเหลือคนที่กำลังยากลำบาก จะทำให้เกิดมุมมองต่อความหวังที่ดีขึ้น

โดยกิจกรรมในวันที่ 10 กันยายน หรือวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลกประจำปี 2564  จะประกอบด้วย ในช่วง 11.00 – 12.00 น. เป็นกิจกรรมเสวนาและแถลงข่าวเนื่องในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก โดยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ผู้แทนสื่อมวลชน และผู้แทนภาคประชาชน จากนั้นในช่วง 18.00 – 19.00 น. จะมีการเสวนาออนไลน์ผ่านทาง TikTok ร่วมกับ  KOLs ในหัวข้อ “See You Tomorrow แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้”     และปิดท้ายด้วยการเสวนาออนไลน์ผ่านทาง Twitter Spaces ร่วมกับสมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ในหัวข้อ  “Creating Hope Through Action รวมพลังสร้างความหวัง” ในเวลา 19.00 – 20.00 น. ทั้งนี้ท่านที่สนใจสามารถติดตามรับชมกิจกรรมดังกล่าวผ่านทาง Facebook, TikTok  และ Twitter ของกรมสุขภาพจิต ได้อีกด้วย