นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่าในช่วงเสวนา EEC Future :
เอกชนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ฟื้นเศรษฐกิจไทย จัดโดย “กรุงเทพธุรกิจ” โดยระบุว่า แม้จะมีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แต่การลงทุนในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ครึ่งปีแรก 1.2 แสนล้านบาท และเฉลี่ยจะมีปีละ 3 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีเอกชนหลายที่กำลังขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ความคืบหน้าของการพัฒนาอีอีซี ปัจจุบันเราผลักดันในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานไปแล้ว แผนขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินงาน 2 เรื่องหลัก คือ การชักจูงนักลงทุน จะให้น้ำหนักมากขึ้น และการสร้างวิถีชีวิตแบบใหม่ให้ประชาชน ยกระดับเมือง สร้างเมืองและสิ่งแวดล้อมของเมือง
อย่างไรก็ดี เป้าหมายการลงทุนเมื่อตอนทำแผนพัฒนาอีอีซี ประเมินว่าจะมีมูลค่าการลงทุน 1.7 ล้านล้านบาท โดยขณะนี้อนุมัติการลงทุนไปแล้ว 1.6 ล้านล้านบาท ดังนั้นมูลค่าการลงทุนคงถึงเป้าก่อนกำหนด แต่ขณะเดียวกัน อีอีซีเดิมมีเป้าหมายว่าจะกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) โต 5% จาก 3% แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้จีดีพีไทยจะเติบโตเพียง 2% ดังนั้นอีอีซีต้องออกแรงอีกเยอะขึ้น เพื่อกระตุ้นจีดีพีตามเป้าหมาย
“เดิมเราประมาณการณ์ว่าในช่วงแต่ละปีหลังจากนี้ อีอีซีจะดึงเม็ดเงินลงทุนได้ 3-4 แสนล้านบาทต่อปี แต่เพื่อผลักดันจีดีพีให้โต 5% อีอีซีต้องทำให้ได้มากกว่าเป้าหมาย ดังนั้นอีอีซีในระยะข้างหน้าต้องเพิ่มการลงทุนมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท โดยแผนที่เราจะทำส่วนหนึ่งจะมาจากการสร้างเมือง เพื่อทำให้เม็ดเงินลงทุนที่ตอนนี้เรามีโครงสร้างพื้นฐานแล้ว ได้มีการลงทุนจากบีโอไอ 8 แสนล้าน จะเพิ่มเข้ามาอีกปีละ 2 แสนล้าน”
นายคณิศ ยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าท่องเที่ยวยังไม่กลับมาจากผลกระทบของโควิด-19 แต่อีอีซีกำลังจะเติบโต ปีหน้าคาดว่าอีอีซีจะขยายตัวนำจีดีพีประเทศ โดยจะมาจากการกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เกิดขึ้น เช่น ศูนย์การแพทย์ เทคโนโลยี 5G ที่ตอนนี้ใช้ได้ 100% ดังนั้นแกนนำอุตสาหกรรมป้าหมาย จะเพิ่มมูลค่าการลงทุนได้อีก รวมไปถึงการทำคลัสเตอร์เกษตร และการพัฒนาเมืองร่วมกับจังหวัด
ส่วนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หลังจากสถานการณ์โควิด -19 คลี่คลาย ในปลายปีนี้ อีอีซีจะเริ่มทำโรดโชว์ท่าอากาศยานอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก รวมทั้งจะเปิดหน้าดินให้โครงการโครงสร้างพื้นฐานเริ่มงานก่อสร้าง โดยสัญญาว่าภายในปีนี้จะเริ่มเห็นการเปิดหน้าดินเป็นเรื่องราวทั้งรถไฟความเร็วสูง และสนามบินอู่ตะเภา