͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ทางการแล้ว!! สิ้นสุดการรอคอย 'เมสซี่' ชูเสื้อ เปแอสเช  (อ่าน 146 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13350
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


สาวก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ยอดทีมเงินหนาแห่ง ลีก เอิง ฝรั่งเศส สิ้นสุดการรอคอยเมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะซุปตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ ชูเสื้อเป็นตัวอย่างเป็นทางการ หลังจรดปากกาเซ็นสัญญา 2 ปีบวกออปชันอีก 1 ปีเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

เมสซี่ วัย 34 ปีเปิดใจว่า "ผมแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเริ่มต้นที่ ปารีส ทั้งสโมสรและวิสัยทัศน์นั้นสอดคล้องกับความทะเยอทะยานของผมอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งผมรู้ดีว่านักเตะและทีมงานที่นี่มีศักยภาพแค่ไหน ดังนั้นผมจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมให้กับที่นี่และแฟน.ทุกคน ซึ่งตอนนี้ใจจดจ่ออยากเงียบสนาม ปาร์ก เดอส์ แปรงส์ ใจจะขาดแล้ว"

ลูกเมียร้องไห้ฟูมฟาย หลัง "เมสซี" นักเตะดังต้องย้ายทีม เพราะต้องหาบ้านและโรงเรียนใหม่!?

ข่าวสุดช็อกของชาวบาร์เซโลนา เรื่องการย้ายทีมยอดนักเตะชาวอาร์เจนไตน์ ลิโอเนล เมสซี ณ เช้าตรู่วันอังคารที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ชาวกาตาลันยังมาออกันอยู่ที่หน้าบ้านของลิโอเนลในบาร์เซโลนา แต่ยังไม่มีวี่แววว่า นักเตะขวัญใจของเขาจะออกเดินทางไปไหน

จริงๆ แล้ว ข่าวคราวการย้ายทีมของ ลิโอเนล เมสซี ใช่ว่าจะเพิ่งมีวี่แวว แต่แว่วๆ มาก็หลายรอบของการเปิดตลาดซื้อขายแล้ว โดยมีข่าวกับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี และแม้กระทั่งลิเวอร์พูล ในอังกฤษ หรือทีมในเมเจอร์ลีคของอเมริกา รวมทั้งทีมปารีส์ แซงต์-แชร์กแม็ง ในฝรั่งเศส

เมื่อ 7 เดือนก่อน ยังมีข่าวลงในหนังสือพิมพ์ เลอ ฟิกาโร และช่องกานาล ปลุส ของฝรั่งเศส ว่า ลิโอเนลกับภรรยา และลูกๆ ของเขาไปเข้าคลาสเรียนภาษาฝรั่งเศสด้วย หลายๆ คนจึงพุ่งเป้าไปที่ทีมของมหาเศรษฐีอาหรับในกรุงปารีส



คนที่เศร้าเสียใจและทำใจไม่ได้ที่สุดในดรามาย้ายทีมของลิโอเนล เมสซี ไม่ใช่ใครที่ไหน คือภรรยา (อันโตเนลลา ร็อกคุซโซ) และลูกชายของเขาเอง ที่ร้องไห้เสียใจ และยังทำใจไม่ได้กับการต้องย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียน

“ตอนที่ผมบอกลูกและเมียว่า ต้องการจะย้ายออกจากบาร์เซโลนา มันกลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ทั้ง 4 คนร้องไห้ฟูมฟาย พวกเขาไม่อยากไปจากบาร์เซโลนา ไม่อยากย้ายโรงเรียน

“แต่ผมมองไปข้างหน้า ผมอยากพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก ต้องการได้แชมป์ อยากชนะแชมเปียนส์ลีค ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ แต่คุณก็อยากทำให้ได้”



เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่นักเตะวัย 33 บอกคือ เขาว่า โจเซป มาเรีย บาร์โตมิว ประธานสโมสรบาร์เซโลนาไม่ทำตามคำพูด โดยเขาบอกว่าจะปล่อยตัวลิโอเนลออกไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2019-20 แต่ก็ไม่ทำตามคำพูด

“เราคุยกันแล้วว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะไปจากสโมสรแล้ว แต่โจเซปก็เลื่อนวันเวลาออกไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เราต้องเล่นไปเสี่ยงไปกันไวรัสโคโรน่า มันน่ากลัวมากตลอดทั้งฤดูกาล แถมท่านประธานยังบอกอีกว่า ถ้าผมจะไปตอนนี้ จะต้องเสียค่าปรับ 700 ล้านยูโร มันจะเป็นไปได้ยังไง”

ทางเดียวที่นักเตะเจ้าของบัลลงดอร์ 6 สมัยจะออกจากสโมสรที่เขาอยู่มาถึง 20 ปีได้ ก็คือต้องยื่นเรื่องต่อศาล ซึ่งนั่นก็จะทำให้เขาต้องอยู่จ่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 10 เดือน

“ผมไม่อยากจะยื่นฟ้องสโมสรที่ผมรัก และให้ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตผมหรอกนะครับ บาร์เซโลนาคือชีวิตของผม เป็นที่ที่ให้ทุกสิ่งกับผม ทำให้ผมเป็นผมทุกวันนี้”



ลิโอเนล ยังเล่าว่า ติอาโก ลูกชายคนโตของเขาเศร้าที่สุด เพราะไม่อยากย้ายโรงเรียน และเขาก็ผูกพันกับสโมสรในกาตาลันมาก อันโตเนลลา ภรรยาที่ยืนเคียงข้างเขาเสมอต้องคอยช่วยปลอบใจ แม้ว่าเธอก็ไม่อยากย้ายไปจากสเปนเช่นกัน

“มัตเตโอเขายังเด็กมาก ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ผมต้องบอกติอาโกว่า ความรักที่พ่อมีต่อบาร์เซโลนาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง คือเขาโตแล้ว และได้ยินเรื่องนั้นเรื่องนี้จากข่าวทีวี ทำให้มีคำถามในหัวของเขามากมาย



“เขาร้องไห้ และบอกผมว่า เราไม่ย้ายไม่ได้หรือ จริงๆ ผมไม่อยากให้เขาต้องมารับรู้อะไรเรื่องนี้เลย แต่ก็ต้องอธิบายความจริงให้เขาฟัง ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้

“ผมรักบาร์เซโลนา คงไม่มีที่ไหนในโลกที่ดีเท่าที่นี่อีกแล้ว แต่ผมมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจมองหาความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต ในวันข้างหน้า ผมอาจจะกลับไปบาร์เซโลนาอีกครั้งก็ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผมอยู่ที่นี่

“ลูกๆ ของผม ครอบครัวของผม เขาเกิดและเติบโตที่นี่ มันไม่ใช่เรื่องผิดที่ผมต้องการจะไป ผมคิดว่าการตัดสินใจของผมจะเป็นการดีต่อทุกคน”



อันโตเนลลา ร็อกคุซโซ โพสต์ภาพครอบครัว พร้อมถ้วยรางวัลต่างๆ ที่ลิโอเนล เมสซี คว้ามากับสโมสรบาร์เซโลนาลงในอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ หลังจากที่สามีแถลงข่าวอำลาสโมสร เพื่อแสดงความสนับสนุนการตัดสินใจของเขา

“มันเป็นเรื่องยากที่จะสรุปเรื่องราวในชีวิตของเราที่นี่ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ” เธอบรรยายอีกว่า “เรื่องราวมากมาย หลายอารมณ์ความรู้สึกจะจารึกอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป เหมือนดังคำพูดที่ว่า ‘อะไรที่ฆ่าคุณไม่ได้จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น’ ด้วยแรงสนับสนุนจากครอบครัว เราจะออกไปโลดแล่นอีกครั้งอย่างแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

“เราจะเดินไปด้วยกัน ไม่ว่าจุดหมายปลายทางจะเป็นที่ไหน เราจะมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าเสมอ... ฉันรักคุณ”