͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เช็คพื้นฐาน GULF ถือหุ้นใหญ่ INTUCH โบรกให้เป้าหมาย 42.75 บาท  (อ่าน 127 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Joe524

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15802
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (2-6 ส.ค.2564) ปรับขึ้น 11.19% หรือ 3.75 บาท มาอยู่ที่ 37.25 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าการซื้อขายราว 7.5 พันล้านบาท ภายหลังบริษัทประกาศปิดดีลซื้อหุ้น INTUCH และขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ด้วยสัดส่วน 42.25%

นางสาวอรมงคล ตันติธนาธร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า GULF ได้ทำการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (VTO) ในช่วงวันที่ 29 มิ.ย. ถึง 4 ส.ค.2564 ที่ราคา 65 บาทต่อหุ้น และมีหุ้นที่ตอบรับ Tender Offer จำนวน 747.87 ลำนหุ้น ทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้น INTUCH โดย GULF ปรับเพิ่มเป็น 42.3% จากเต็มที่ 18.9% GULF จึงกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ INTUCH หลังจากการทำ Tender Offer ในครั้งนี้

ฝ่ายวิจัยคาดว่า INTUCH จะสร้างกำไรได้ 1.1-1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ในปี 2564-2566 ซึ่งมีส่วนหลักมาจาก ADVANC บล.กสิกรไทย จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564-2566 ขึ้น 10% 22% และ 22% เป็น 8.4 พันล้านบาท 1.40 หมื่นล้านบาท และ 1.53 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงการเข้าลงทุนเพิ่มเติมในหุ้น INTUCH

โดยการลงทุนใน INTUCH จะช่วยขยายพอร์ตกิจการที่ไม่เกี่ยวกับโรงไฟฟ้า (Non-power) ของ GULF ให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะที่สัดส่วนการถือครองหุ้นใน INTUCH ที่ 42.3% จะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ GULF ในปี 2564-2566 ได้ 1.4 พันล้านบาท 3.1 พันล้านบาท และ 3.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 17-24% ต่อกำไรทั้งหมดของบริษัทฯ


ขณะที่การต่อยอดธุรกิจ (Synergy) ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต การลงทุนใน INTUCH จะช่วยให้ GULF เข้าถึงดิจิทัลแพลตฟอร์มและเทคโนโลยี 5G ซึ่งอาจสร้างประโยชน์ร่วมกันทางธุรกิจ อาทิ กลายเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าภาค B2C จากปัจจุบันที่ดำเนินในรูปแบบ B2B (ทั้งกลุ่มผู้ใช้ภาคอุดสาหกรรมและ กฟผ.) เพราะอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มที่กระจายตัวมากขึ้น บวกกับการผ่อนปรนกฎเกณฑ์ต่างๆ ในอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าของประเทศ

นอกจากนี้ ในกรณีที่ GULF เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น INTUCH เกิน 50% ในอนาคตจะทำให้งบดุลของ GULF ขยายใหญ่ขึ้น เพราะ INTUCH เป็นบริษัทที่มีสถานะเงินสดสุทธิ

"เราคงคำแนะนำ 'ซื้อ' และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 42.75 บาท จาก 42.25 บาท เพื่อสะท้อนถึงการลงทุนเพิ่มเติมในหุ้น INTUCH นอกจากนี้ GULF ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่จำนวนมากซึ่งจะมาช่วยสร้างความมั่นคงในการเติบโตในระยะยาวได้"

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิม​เอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในระยะกลางมองว่าราคาหุ้น GULF มีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง เพราะปัจจัยพื้นฐานในระยะกลาง-ยาวของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าใหม่อีกหลายโครงการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเติบโตจากภายใน (Organic Growth)

ส่วนการลงทุนใน INTUCH จะส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลเพิ่มขึ้น ถือเป็นการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) โดยหลักการ GULF สามารถรับรู้งบการเงินรวม (Consolidate Financial Statement) เพราะถือหุ้นในสัดส่วนที่สามารถควบคุมทิศทางการดำเนินงานของ INTUCH จากเดิมที่รับรู้เป็นเงินปันผลรับ ซึ่งจะมีเป็นลูกเล่นแก่ราคาหุ้น GULF ในระยะถัดไป

"เรารอติดตามประเด็นดังกล่าว หากมีความชัดเจนว่าสามารถ Console งบของ INTUCH เข้ามาได้ จะเป็นปัจจัยหนุนส่งราคาหุ้นต่อไป โดยปัจจุบันตลาดให้รคาเป้าหมายบริเวณ 30 บาทตอนปลาย ส่วน บล.เมย์แบงก์ฯ ให้ไว้ที่ 38.00 บาทต่อหุ้น แต่คาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นไปบริเวณ 40.00 บาทต่อหุ้น"