͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: สมองถูกใช้งานมากถึง 85% ระหว่างขับรถ  (อ่าน 329 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ carforme47

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ระหว่างขับรถนอกจากต้องใช้พลังงานกล้ามเนื้อแล้ว ยังกินพลังงานสมองถึง 85% มันจึงเสียสมาธิได้ง่ายกว่าปกติมาก เพราะด้วยการทำงานที่หนักขนาดนี้ สมองก็แทบไม่เหลือให้ใช้ไปทำอย่างอื่นแล้ว ทั้งคนที่ขับรถเป็นประจำ หรือมือใหม่หัดขับก็ตาม

ผู้ขับขี่มีวิธีปฏิบัติอย่างไร ในสถานการณ์แบบนี้

1.สมาธิ - คนที่มีรถส่วนตัว หรือคนที่เช่ารถกับผู้ให้บริการชื่อดัง https://th.traveligo.com/cars และตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องทำคือสร้างสมาธิและตั้งสติในการขับขี่ดี ๆ อย่าประมาท ปราศจากสิ่งรบกวนในขณะขับขี่ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ระบุว่า ความเสี่ยงต่ออันตรายจะเพิ่มขึ้นทันที หากสูญเสียสมาธิกะทันหันระหว่างขับรถ แม้เพียงนิดเดียวก็ตาม

2.มุมมองต้องกว้าง – สายตาของคนขับรถต้องเฉียบคมเหมือนพญาอินทรี ทั้งมุมมองด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง เพราะมันช่วยให้ประเมินสถานการณ์รอบตัวได้ดีขึ้น

3.หน้าท้องตึงได้ แต่หน้าตาห้ามหย่อน – เป็นสิ่งที่ไม่พึงปฏิบัติ และเป็นมารยาทที่แย่มากบนท้องถนน เพราะถ้าผู้ขับขี่ง่วงเมื่อไหร่ อาการหลับในก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายและเสี่ยงต่ออุบัติบนท้องถนน ดังนั้น “สติ สัมปชัญญะ” หลังพวงมาลัยจงท่องไว้ให้มั่น เพื่อให้การตอบสนองต่อการขับขี่มีประสิทธิภาพสูงสุด และคุณจะเป็นอีกคนที่ช่วยลดความสูญเสียบนท้องถนนได้.

ทั้งนี้ การใช้พลังงานสมองระหว่างขับรถที่มากถึง 85% ไม่ใช่เรื่องดี เพราะส่งผลให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ ช้าลง เช่น บางคนมั่นใจว่าตนเองคุยโทรศัพท์ขณะขับรถได้ แต่กลับเป็นต้นเหตุของความเสี่ยงที่มักจะเกิดขึ้นได้บ่อยบนท้องถนน

จากสถิติที่จัดทำโดยองค์การอนามัยโลกพบว่า ทุกปีมีผู้คนทั่วโลกจำนวนกว่า 1.25 ล้านคน ต้องจบชีวิตลงบนท้องถนน ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนน 94% นั้น สถิติพบว่า มีต้นเหตุเกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่เองทั้งหมด