เชียงราย - กระแสข่าวแพร่สะพัด..พบ 1 ใน 9 ผู้ป่วยโควิดเชียงรายที่เคยรักษาหายกลับไปกักตัวอยู่บ้านป่วยซ้ำ-สงสัยติดเชื้อไวรัสอีกรอบ
วันนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัส
โควิด-19 ในพื้นที่เชียงรายทั้ง 9 คน ได้รับการรักษาจนหาย รายสุดท้ายแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านตั้งแต่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ต้องแยกตัวและสวมใส่หน้ากากอนามัยอีกอย่างน้อย 1 เดือนนั้น
ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ป่วยรายเดิมที่แพทย์เคยรักษาจนอาการหายดีแล้วกลับมาป่วยเป็นไข้อีก ซึ่งแพทย์ได้นำตัวไปทำการรักษาและตรวจหาเชื้ออีกครั้ง เบื้องต้นพบว่าให้ผลเป็นบวก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวกลับเข้ารับการรักษาเป็นพิเศษอีกครั้ง ณ ห้องรักษาโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อ.เมืองเชียงราย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้มีการแถลงถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร คาดว่าอยู่ระหว่างการตรวจยืนยันให้ชัดเจนก่อนแถลงชี้แจงต่อสาธารณชน
ด้านนายทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงรายเปิดเผยว่าผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็น 1 ใน 9 รายที่เคยได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19ของจ.เชียงราย จากนั้นได้รับการรักษาจนอาการหายดีแล้ว แต่ปรากฎว่าช่วงค่ำวันที่ 18เม.ย.ที่ผ่านมามีอาการไข้อีกครั้งจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข รับทราบและพาตัวเข้ารับการรักษาอีกครั้งที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์
ซึ่งปัจจุบันเจ้าหน้าที่ก็อยู่ระหว่างการวินิจฉัยโรคว่าป่วยด้วยโรคใดและยังไม่ยืนยันว่าได้กลับมาติดเชื้อไวรัสโควิ-19อีกหรือไม่ดังนั้น ณ เวลานี้ยังไม่ถือว่าเป็นผู้ป่วยยืนยัน ต้องรอผลการวินิจฉัยที่คาดว่าจะทราบกันในช่วงเช้าวันจันทร์ที่20 เม.ย.นี้
"เบื้องต้นเรากำลังลงรายละเอียดในการวินิจฉัยว่าเขาเกิดการติดเชื้อสายพันธุ์ใดกันแน่เพราะอาการยังไม่ค่อยชัด เอกซเรย์แล้วไม่ค่อยชัดเจน เจ้าหน้าที่รายงานมาว่าขอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งโดยเขาเป็นผู้ป่วยที่เคยได้รับการยืนยันและเมื่อกลับมามีไข้อีกเราก็ต้องรับกลับเข้ามาตรวจให้ละเอียดอีกครั้ง"
ทั้งนี้ ปัจจุบัน จ.เชียงรายมีผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ต้องกักตัวดูอาการอยู่ที่บ้าน 724 คน และมาจากต่างประเทศ 15 คน ส่วนผู้ที่ต้องให้กักตัวอยู่ในสถานที่ที่รัฐกำหนดมีอยู่ 3 คน เป็นคนที่เดินทางมาจากกัมพูชา 2 คน และพม่า 1 คน และผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 4 ราย
ขณะที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดฯ ยังคงใช้มาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น ทั้งปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยง ปิดถนนสายรอง 7 สาย ปิดด่านพรมแดน โดยคงเหลือเพียงด่านฯ เพื่อการค้าเพียง 2 จุดที่เชื่อมกับประเทศพม่า และ สปป.ลาว เท่านั้น