͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ปั๊มลมลูกสูบยอดนิยม 2 ชนิด เลือกอันไหนตอบโจทย์ที่สุด  (อ่าน 224 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ neungreungtaicpe

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 13
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
สาเหตุที่ทำให้ปั๊มลมลูกสูบได้รับความนิยม ไม่ใช่เรื่องอื่นใดเพราะมันมีราคาที่ถูกดูแลรักษาง่ายไม่ยุ่งยาก นำมาใช้งานในบ้านได้หลายประเภท แต่ทั้ง 2 ชนิดนี้ ก็มีจุดแตกต่างกันอยู่ ดังนั้น ใครที่กำลังหาซื้อมาใช้งานก็ควรศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก่อน

1.ปั๊มลมขับตรง (direct driven)
 
ปั๊มลมชนิดนี้ มีหัวปั๊มเชื่อมติดอยู่กับมอเตอร์อย่างแน่นหนา ขนาดพอเหมาะ มาพร้อมกับรูปทรงสวยงาม มีน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายได้สะดวก ปริมาณลมที่ปล่อยออกมามีมาก และราคาก็ถูกมากเช่นกัน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผู้ใช่งานหน้าใหม่เลือกซื้อมาใช้กันโดยไม่ลังเล

แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ ตรงที่ปั๊มลมแบบขับตรงไม่เหมาะกับใช้งานติดต่อกันนานเกินไป เพราะเสียงการทำงานที่ค่อนข้างดัง ซึ่งอาจรบกวนบ้านใกล้เรือนเคียงได้ นอกจากนี้ เมื่อใช้งานในระยะยาวชิ้นส่วนจะเสื่อมสภาพเร็วกว่า เนื่องจากใช้รอบสูงตลอดกรทำงาน และข้อจำอีกอีกอย่างคือ มีแรงม้ามาให้ไม่เกิน 3 ตัวเท่านั้น จึงเป็นข้อเสียเวลาใช้งานที่ต้องการแรงลมมาก ๆ
 
2.ปั๊มลมสายพาน (belt driven)

สำหรับปั๊มลมแบบสายพานนั้น จะมีหัวปั๊มและมอเตอร์ที่แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง แล้วเปลี่ยนจากลูกสูบมาใช้สายพานเป็นตัวขับเคลื่อนแทน มีจุดเด่นหลายประการ โดยเฉพาะขนาดที่เล็ก มาพร้อมกับแรงม้ามากถึง 15 ตัว นอกจากนี้ ยังมีถังพักลมขนาดใหญ่กว่า ซึ่งจะมีให้เลือกตั่งแต่ 60 - 500 ลิตร และมีรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำกว่า ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีเสียงรบกวนน้อยและทนทานกว่าเดิม

แต่ทั้งหมดนี้ ก็แรกมากับขนาดที่ใหญ่กว่าปั๊มลมแบบลูกสูบ และราคาก็สูงกว่ากันพอสมควร ดังนั้น ถ้าใครจะซื้อไปใช้งานเบา ๆ อย่างการเติมลมรถจ่ายตลาด หรือเปาใบไม้ตามบ้าน ให้เลือกเป็นปั๊มแบบลูกสูบจะเหมาะสมกว่า ส่วนปั๊มแบบสายพานนั้น จะเหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานหนัก ๆ เช่น เปิดอู่ซ่อมรถ หรือช่างเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เพราะงานพวกนี้ต้องใช้แรงลมเยอะ

ขนาดของถังปั๊มลม ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมด้วย

การเลือกซื้อปั๊มลมมาพร้อมกับถังเก็ยลมขนาดใหญ่ ๆ เพราะคิดว่าให้แรงลมที่มากกว่า คือความคิดที่ผิด เพราะความจริงแล้วถังขนาดใหญ่ช่วยแค่เรื่องความจุ ทำให้ใช้ลมติดต่อกันโดยไม่ต้องพักเครื่องได้นานกว่าเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องเปิดปิดบ่อยให้เปลืองค่าไฟเล่น

แต่ข้อเสียของถังเก็บลมขนาดใหญ่ก็อยู่ตรงที่เสี่ยงต่อการรั่วได้มากกว่า ขนย้ายลำบาก ดังนั้น ถ้าไม่ได้ใช้งานหนัก เป็นเจ้าของกิจการอู่ หรืออื่น ๆ ก็เลือกถังเก็บขนาดกลางแนวนอน หรือแนวตั้งจะเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปตามบ้านเรือนมากกว่า.