͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ว่านราฯกำชับนายอำเภอบาเจาะงัดยาแรง  (อ่าน 490 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
บริเวณ โรงเรียนแสงธรรมอิสลามวิทยามูลนิธิ หรือโรงเรียนปอเนาะ ต.บาเระใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันตัว 14 วัน (Local quarantine) ผู้ที่เดินทางกลับจากการดะวะห์ หรือการเผยแพร่ศาสนาจากประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 7 ราย ซึ่งได้เดินทางมาถึงพื้นที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาสเมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา และล่าสุดตรวจพบมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 5 ราย  อาการปกติจำนวน 2 ราย ล่าสุดหลังจากส่งผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19  ใน 5 รายดังกล่าว มีผลการตรวจยืนยันผู้ติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ราย ส่วนอีก 3 ราย รอผลตรวจยืนยันจากโรงพยาบาล สำหรับผู้ติดเชื้อ 2 รายนั้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ทางด้านว่าที่ร้อยตรี จิรัสย์ ศิริวัลลภ นายอำเภอบาเจาะ กล่าวว่า จ.นราธิวาสโดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการและกำชับให้ทาง อ.บาเจาะมีการเตรียมการสถานที่กักกันตัว 14 วัน (Local quarantine) โดยครั้งนี้ได้รับผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 7 ราย และล่าสุดมีผลตรวจยืนยันผู้ติดเชื้อเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ราย และเมื่อเช้าที่ผ่านมาตนเองให้สั่งการให้เจ้าหน้าที่บูรณาการร่วมกัน big cleaning ฆ่าเชื้อทำความสะอาดบริเวณสถานที่กักกันโดยรอบตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

ในส่วนของผู้ที่ถูกกักกันที่เหลือจำนวน 5 ราย และรอผลตรวจยืนยันจากโรงพยาบาล 3 ราย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขประจำ อ.บาเจาะเข้าทำการตรวจคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น 3 เวลา รวมถึงทีมเจ้าหน้าที่ SRRT ทีมสอบสวนโรคระบาดจากสำนักงานสาธารณสุข อ.บาเจาะ ตรวจคัดกรองและเฝ้าดูแลปัญหาสุขภาพตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน อ.บาเจาะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.ประจำตำบลบาเระใต้ อ.บาเจาะ ได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนในการดูแลอย่างใกล้ชิด

นอกจากทางอำเภอยังได้มีการสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านไม่ให้ตื่นตระหนก หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 2 รายดังกล่าว ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างมีความเข้าใจและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในทุกๆด้าน และรู้สึกดีใจที่ภาครัฐมีมาตรการกักกันสำหรับผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อไม่ให้เกิดการการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ต่อไป