͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ชาวอีสานกลับภูมิลำเนาหลังชัตดาวน์กรุงเทพฯ  (อ่าน 500 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Fern751

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15944
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ชาวอีสานทยอยกลับภูมิลำเนา หลังกรุงเทพฯ ถูกชัตดาวน์ ขณะที่โคราชระดมจิตอาสาทำความสะอาด บขส.รองรับคนทะลักกลับบ้าน
หลังจากที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มีคำสั่งปิดสถานที่หลายแห่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด- 19  และขณะเดียวกัน นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้มีคำสั่งปิดสถานที่เกือบทั่วจังหวัดรวมถึงห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารต่างๆมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 หรือ บขส.2 บรรยากาศก็เริ่มคึกคัก มีประชาชนทยอยเดินทางกลับมาจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆเพื่อกลับภูมิลำเนาที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดอื่นๆทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในขณะเดียวกัน นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้นำจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. จำนวนกว่า 200 คน นำอุปกรณ์และน้ำยาฆ่าเชื้อมาทำความสะอาดบริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมาแห่งที่ 2 ครั้งใหญ่ทั้งบริเวณที่นั่งผู้โดยสาร ตู้เอทีเอ็ม ศูนย์อาหาร วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ห้องสุขา และชานชาลา เพื่อเป็นการรองรับผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทางกลับมายังภูมิลำเนาป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยมีการตรวจวัดไข้ของพนักงานขับรถโดยสารและผู้โดยสารตลอดจนมีการติดตั้งเจลล้างมือฆ่าเชื้อทุกเค้าเตอร์โดยสารและให้ความรู้โรคระบาดโควิด-19 แก่ผู้โดยสารอีกด้วย





สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิด -19 ที่จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ วันที่ 21 มีนาคม 2563 แล้ว 5 ราย ซึ่งล่าสุดเป็นเซียนพนันมวย ผู้ชาย อายุ 38 ปี และ 42 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่อำเภอปักธงชัย และอำเภอเมืองนครราชสีมา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มาจาก สนามมวย 2 แห่ง ในกรุงเทพมหานคร โดยในรายผู้ป่วยล่าสุด อายุ 38 ปี มีผู้สัมผัสใกล้ชิด เสี่ยงสูงที่จะติดไวรัสโควิด-19 จำนวน 7 ราย เสี่ยงต่ำ 4 ราย ส่วนในรายผู้ป่วย อายุ 42 ปี มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจะติดไวรัสโควิด-19 จำนวน 26 ราย เสี่ยงต่ำ 96 ราย ขณะนี้จังหวัดนครราชสีมาได้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วติดตามกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายใหม่ ทั้ง 2 ราย เพื่อกักตัว