͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อโรม่า กรุ๊ป จับมือ ฮาริโอะ แบรนดังจากญี่ปุ่น เปิด 'ฮาริโอะ คาเฟ่'  (อ่าน 15 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14700
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
อโรม่า กรุ๊ป จับมือ ฮาริโอะ แบรนดังจากญี่ปุ่น เปิด 'ฮาริโอะ คาเฟ่' แฟลกซ์ชิพสโตร์กาแฟสเปเชียลตี้ แห่งแรกในไทย ใจกลางสีลม

อโรม่า กรุ๊ป ตอกย้ำผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร จับมือ ฮาริโอะ ผู้นำอุปกรณ์การชงกาแฟแบบ slow bar แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น รุกตลาดกาแฟกลุ่ม Specialty ต่อยอดธุรกิจแบบครบวงจร เปิด Hario Cafe (ฮาริโอะ คาเฟ่) แฟลกซ์ชิพสโตร์เอาใจคอกาแฟครบทุกกลุ่ม ทั้ง Speed Bar, Slow Bar รวมถึงอุปกรณ์ฮาริโอะ ที่นำมาให้เลือกซื้อครบทุกไลน์ ตั้งแต่อุปกรณ์ชงกาแฟ เครื่องครัว และอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อมเมล็ดกาแฟระดับพรีเมื่ยมจากหลายแหล่งผลิตชั้นนำระดับโลกมาให้เลือกมากที่สุด และบาริต้าที่ชำนาญงาน ที่พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำ ในระดับราคาที่เข้าถึงได้ ใจกลางสีลม พร้อมดึงกลยุทธ์การแชร์ประสบการณ์ร่วม มั่นใจศักยภาพของฮาริโอะ และความเป็นผู้นำในตลาดกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจรของอโรม่า จะช่วยผลักดันฮาริโอะ เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 50% และสร้างศักยภาพทางธุรกิจของกลุ่มอโรม่าให้ครอบคลุมกลุ่มสินค้าของตลาดกาแฟในประเทศไทย เพิ่มมากขึ้น คาดว่าจะสามารถผลักดันยอดขายทั้งหมดของกลุ่มให้เพิ่มมากขึ้น อืกไม่ต่ำกว่า 30% ในปีนี้ โดยฮาริโอะคาเฟ่ จะเป็นส่วนสนับสนุนให้อโรม่าขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลายเพิ่มมากขึ้น แม้โดยภาพรวมทุกธุรกิจจะได้ผลกระทบจากโควิด-19

นายกิจจา วงศ์วารี กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทในเครือ อโรม่า กรุ๊ป (Aroma Group) ผู้นำธุรกิจกาแฟคั่วบด และเครื่องดื่มแบบครบวงจร เปิดเผยถึงความร่วมมือกับฮาริโอะ แบรนด์ชื่อดังที่ผลิตเครื่องแก้วทนความร้อน รวมถึงอุปกรณ์การชงกาแฟ แบบ Specialtyระดับเวิรด์คลาส  ที่มีศักยภาพทั้งในด้านสินค้าและบุคคลากรในตลาดมานานกว่า 100 ปี จากประเทศญี่ปุ่น ถึงการเปิดตัว Hario Cafe ในประเทศไทยว่า "การเข้ามาในตลาดกาแฟแบบ Specialty ของอโรม่า นับเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจมานานแล้ว ในฐานะผู้นำตลาดกาแฟคั่วบด ในประเทศไทย และเห็นพัฒนาการหรือการเติบโตของพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง จากการดื่มกาแฟสำเร็จรูปในบ้าน หรือในที่ทำงาน ตามมาด้วยรูปแบบร้านกาแฟสมัยใหม่ ที่ใช้อุปกรณ์การชงที่ทันสมัย สะดวกรวดเร็ว สามารถชงได้ตั้งตั้งแต่ 1 แก้วขึ้นไป จนถึงการตกแต่งพื้นที่ ให้ตอบสนองต่อการเป็นศูนย์กลางของการพบปะ พูดคุยสังสรรค์ หรือทำงานทั้งแบบส่วนตัว หรือเป็นกลุ่มนอกออฟฟิศ และอื่น ๆ อีกมากมาย ในขณะที่ร้านกาแฟในกลุ่ม Specialty  ที่แต่ละร้านจะสรรรหาเมล็ดกาแฟคุณภาพจากแหล่งต่าง ๆ มาคั่วตามกรรมวิธีเฉพาะ พร้อมใช้วิธีการชงแบบคลาสสิก ไม่ว่าจะเป็นแบบ Drip หรือ เพิ่มความพิเศษแบบ Syphon มาเสิร์ฟให้บริการลูกค้า เริ่มก่อตัวขึ้นและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  รวมถึงความสนใจในการสรรหาซื้ออุปกรณ์การชง หรือเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ผ่านการคั่วบดจากร้านกาแฟที่คุ้นเคย ไปลองหัดทำเองที่บ้าน ทั้งหมดนี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นการพัฒนาประสบการณ์การดื่มกาแฟของคนไทยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ที่พร้อมจะเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับการดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบจากวิกฤตของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนอย่างฉับพลัน และผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการแสวงหาวิถีชีวิตคุณภาพภายในที่พักอาศัย  รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งแบบส่วนตัว หรือเป็นกลุ่มเฉพาะภายในบ้าน ส่งผลให้ตลาดกาแฟภายในบ้าน ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น 

ความสำเร็จจากการเปิด Hario Cafe ในรูปแบบ Slow Bar แบบชิคแอนด์คูลแนวเจแปนนิส สาขาแรกย่านลาดพร้าว เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ที่สุดพิเศษในคาเฟ่แบบ slow bar พร้อมศิลปะการชงทั้งแบบ drip, syphon, cold brew  มาเสิร์ฟให้ลูกค้า ควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับลูกค้าเสมือนเป็น Coffee Community  โดยลูกค้าสามารถพูดคุยสอบถามข้อมูลต่างๆกับบาริสต้า พร้อมแนะนำการใช้อุปกรณ์การชงที่ทันสมัย จากการสร้างสรรค์และพัฒนาโดย Hario ที่บาริสต้าใช้ประจำอยู่ที่ร้าน ให้ลูกค้าสามารถหาซื้อไปใช้ในการรังสรรค์เครื่องดื่มด้วยตัวเองที่บ้านได้อย่างสะดวก ผลักดันให้ผู้บริโภครู้จักการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมกัน จึงได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก ท่ามกลางภาวการณ์วิกฤตโควิด-19  และส่งผลให้กลุ่มอโรม่าได้รับความสนใจจากลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ในฐานะของ new entry ในการเข้าสู่ตลาด Specialty และทำให้อโรม่า เข้าถึง consumer ได้เพิ่มมากขึ้น  พร้อมกวาดรายได้ไปกว่า 1,700 ล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา และ เติบโตขึ้นเกือบ 20%" นายกิจจากล่าวและเพิ่มเติมว่า               

"การขยาย Hario Cafe ในรูปแบบ flagship store ที่อาคารธนิยะพล่าซ่าในครั้งนี้ นอกจากจะนับเป็น flagship store ที่ใหญ่ที่สุด ของฮาริโอะด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 30 ล้านบาท บนพื้นที่ใช้สอยถึง 480 ตร.เมตร แล้ว ยังนับเป็นร้านกาแฟที่สอดรับความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็ว ทั้งสำหรับคอกาแฟและที่ไม่ใช่คอกาแฟ จากเมนูเครื่องดื่มที่เข้ามาร่วมสร้างสีสัน ให้ได้สนุกไปกับการดื่มในแนว Speed Bar  หรือผู้ที่นิยมการดื่มกาแฟแนว Specialty ในรูปแบบ Slow Bar ที่พร้อมร่วมสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั้งประสบการณ์ทางสายตา และการพูดคุย  ในขณะเดียวกัน บาริสต้าก็เลือกที่จะใช้การสื่อสารที่เข้าใจง่าย เพื่อให้ความรู้ กับผู้บริโภคและทำให้เกิดการพัฒนา เอาประสบการณ์ที่ใช่ให้กับลูกค้าได้ทดสอบ ใช้ได้จริง ทั้งจากเครื่องชงกาแฟแนว Specialty แบบต่าง ๆ จากฮาริโอะ แทนการเปิดพื้นที่ให้นั่งพูดคุยกันเองเพียงอย่างเดียว                 

นอกจากนี้ Hario Cafe Bangkok ที่ธนิยะพลาซ่า ยังนับเป็นแหล่งรวมเมล็ดกาแฟ specialty ที่หลากหลายมากที่สุดในประเทศไทยจากการนำเข้าโดยอโรม่า ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจกาแฟคั่วบดมายาวนานกว่า 70 ปี ที่คัดสรรเมล็ดกาแฟพิเศษ หายากตาม Seasonal จากแหล่งผลิตกาแฟที่ดีที่สุดของโลก รวมถึงกาแฟ COE (Cup of Excellence) ที่ทางอโรม่าประมูลมาได้จากหลากหลายประเทศ เช่น โคลัมเบีย คอสตาริก้า นิการากัว มาคอยบริการให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมล็ดพิเศษๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ และพร้อมจำหน่ายในราคาที่เหมาะสม เพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งความร่วมมือกับฮาริโอะ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านเครื่องแก้วที่หลากหลาย  มีการสร้างสรรค์ และพัฒนาสินค้า อุปกรณ์การชงเครื่องดื่มประเภทต่าง ๆ ให้เข้าถึงความต้องการ และสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่า Hario Cafe สาขาธนิยะพลาซ่า เป็น Community ของคนรักกาแฟที่สมบูรณ์แบบและดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย จึงคาดว่าการเติบโตในปีนี้ของฮาริโอะจะไม่ต่ำกว่า 50 % จากปีที่ผ่าน โดยแบ่งเป็นการขายจากส่วนอุปกรณ์การชง และรายได้จากเครื่องดื่มเมนูต่างๆ  แม้ว่า ในส่วนของ  Hario Cafe จะไม่เน้นการเร่งขยายสาขา แต่ก็คาดว่า จะมีการขยายสาขา Hario Cafe เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2-3 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ " นายกิจจากล่าวสรุป