บริษัทคริปโทฯในอังกฤษจ่อย้ายฐานไปตปท. เหตุรัฐไม่ขึ้นทะเบียน
ธุรกิจถาวร ธุรกิจในต่างประเทศ โดยในขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้นก็จะถึงกำหนดเส้นตายที่รัฐบาลอังกฤษจะใช้มาตรการกำกับดูแลตลาดคริปโทฯ ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในแวดวงอุตสาหกรรมว่า บริษัทคริปโทฯ ของอังกฤษอาจแห่ย้ายฐานไปยังต่างประเทศ และทำให้เกิดความได้เปรียบที่ไม่เป็นธรรมกับบริษัทที่ย้ายไปยังต่างประเทศ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สำนักงานกำกับดูแลทางการเงิน (FCA) วางแผนที่จะปิดระบบการลงทะเบียนชั่วคราวสำหรับธุรกิจคริปโทฯ ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทคริปโทฯ รายใหญ่บางแห่งในอังกฤษตกอยู่สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดย ณ วันอังคาร (29 มี.ค.) มีบริษัทอย่างน้อย 12 แห่งซึ่งรวมถึงคอปเปอร์ เทคโนโลยีส์ และเรฟโวลูตซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลนั้น ยังคงเป็นบริษัทที่มีการลงทะเบียนชั่วคราว และอาจเผชิญกับการถูกระงับบริการ หากไม่ได้รับการอนุมัติก่อนถึงกำหนดเส้นตาย
ทั้งนี้ FCA ได้ใช้มาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลธุรกิจคริปโทฯ หลังจากความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลในหมู่นักลงทุนรายย่อยพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมีบริษัทเพียง 33 แห่งเท่านั้นที่มีคุณสมบัติสมควรได้รับการจดทะเบียนถาวรกับ FCA ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินชั้นนำของอังกฤษซึ่งรวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และกระทรวงการคลังอังกฤษ ได้เข้ามาตรวจสอบธุรกิจคริปโทฯ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยจับตาดูธนาคารและบริษัทด้านการลงทุนต่าง ๆ ที่ไล่ซื้อบิตคอยน์และเหรียญโทเคนอื่น ๆ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมประกาศระเบียบการด้านการกำกับดูแลตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในส่วนสเตเบิลคอยน์ (Stablecoin) ซึ่งเป็นสกุลเงินคริปโทฯ ที่มีการตรึงมูลค่าไว้กับสกุลเงินหลักของโลก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ และเป็นภาคส่วนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดสเตเบิลคอยน์มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในแง่การใช้งาน โดยเป็นไปตามทิศทางของกระแสความสนใจในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี ยกตัวอย่างเช่น เทเธอร์ (Tether) ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์สกุลใหญ่ที่สุด มีเหรียญหมุนเวียนอยู่ในระบบคิดเป็นมูลค่า 8 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 4 พันล้านดอลลาร์เมื่อ 2 ปีก่อน
หน่วยงานกำกับดูแลมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์ เนื่องจากเกรงว่าผู้ออกเหรียญไม่ได้สำรองเงินสกุลหลักไว้มากเพียงพอกับจำนวนเหรียญ รวมถึงความเป็นไปได้ที่ว่าอาจมีผู้ใช้เหรียญเหล่านี้เพื่อฟอกเงินหรือกระทำการผิดกฎหมายอื่น ๆ ตลอดจนการที่รัสเซียอาจใช้คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรจากกรณีรุกรานยูเครน