รัฐนิวยอร์กเตรียม
ยกเลิกสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียน 2 มี.ค. หลังโควิดลดต่อเนื่อง
รัฐนิวยอร์กของสหรัฐเตรียมยุติมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนและสถานดูแลเด็กในวันพุธนี้ (2 มี.ค.) หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงอย่างมาก
นางเคธี โฮซูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กทวีตข้อความว่า "ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นักเรียน ครูอาจารย์ และผู้ปกครองก็พร้อมใจต่อสู้การระบาดครั้งนี้ เรามาถึงจุดที่น่ายินดีนี้ได้เพราะความร่วมมืออย่างแข็งขัน"
ทั้งนี้ มาตรการใหม่เกิดขึ้นหลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐได้ประกาศแนวทางผ่อนคลายการสวมหน้ากากอนามัยในอาคารครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสหรัฐ สำหรับแนวทางการสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนล่าสุดนั้น CDC แนะนำให้ปฏิบัติต่อไปเฉพาะพื้นที่ที่โควิด-19 ยังระบาดอยู่มาก
อย่างไรก็ดี นายเอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ระบุว่า รัฐนิวยอร์กอาจยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยในโรงเรียนในวันที่ 7 มี.ค.นี้ หากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้พุ่งสูงขึ้นมากในระหว่างนี้จนถึงวันศุกร์
นายอดัมส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "โรงเรียนเป็นหนึ่งในสถานที่ ๆ ปลอดภัยมากที่สุดสำหรับเด็ก ๆ นับตั้งแต่โควิดเริ่มระบาด และเราจะตัดสินใจด้านสาธารณสุขอย่างเหมาะสมเพื่อให้เด็ก ๆ ปลอดภัย รวมถึงจัดสรรหน้ากากอนามัยให้เพียงพอสำหรับเด็กนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนที่ยังต้องการสวมหน้ากากอนามัยต่อไป"
เว็บไซต์สำนักงานสาธารณสุขของรัฐนิวยอร์กระบุว่า อัตราผู้ที่มีผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นบวกของรัฐโดยเฉลี่ยในช่วง 7 วันอยู่ที่ 1.9% เมื่อวันศุกร์ (25 ก.พ.) ลดลงจากกว่า 20% ในช่วงต้นเดือนม.ค.