เจ้าหน้าที่ทูตอัฟกันยื่นขอลี้ภัย-พำนักถาวรในสหรัฐ หลังไม่ได้ค่าจ้างหลายเดือน
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่การทูตในสถานเอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานประจำกรุงวอชิงตัน รวมถึงสถานกงสุลใหญ่ในนครนิวยอร์กและลอสแองเจลิส ไม่ได้รับค่าจ้างมาหลายเดือนแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานประจำกรุงวอชิงตันยังคงให้บริการด้านงานกงสุล และมีรายได้จากค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 2,000-3,000 ดอลลาร์ต่อเดือน ซึ่งเพียงพอแค่จ่ายค่าสาธารณูปโภค แต่ไม่พอจ่ายเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่ชาวอัฟกัน ซึ่งไม่ได้รับค่าจ้างมาตั้งแต่เดือนต.ค. ปีที่แล้ว หลังจากที่ธนาคารสหรัฐอายัดบัญชีเพื่อไม่ให้กลุ่มตาลีบันเข้าถึงแหล่งเงินทุนของสถานทูต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เปิดเผยโดยอ้างเอกสารของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐว่า หากสถานทูตต้องปิดตัวลง ชาวอัฟกันจะได้รับความคุ้มกันทางการทูต (diplomatic immunity) และพำนักในสหรัฐได้เพียง 30 วันเท่านั้น และหากเจ้าหน้าที่ทูตของอัฟกานิสถานไม่ได้รับสิทธิ์ในการขอลี้ภัย หรือการขอพำนักตามกฎหมายในกรณีอื่นในช่วงเวลาที่กำหนด ก็จะเหลือโอกาสเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสหรัฐเลย
ทางด้านนายแมทธิว บูร์ก โฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสิทธิความเป็นพลเมืองของสหรัฐ (USCIS) ให้สัมภาษณ์ว่า จนถึงขณะนี้มีชาวอัฟกัน 31 คน ประกอบด้วยนักการทูตและครอบครัวได้ยื่นขอเปลี่ยนสถานะเป็นผู้พำนักถาวรแล้ว
ขณะที่นายอับดุล ฮาดิ เนจราบี รองหัวหน้าสำนักงานสถานเอกอัครราชทูตอัฟกานิสถานเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ทูตชาวอัฟกันและครอบครัวประมาณ 55 คน ได้ยื่นขอลี้ภัยในสหรัฐ
นอกจากนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.พ.) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินของอัฟกานิสถานที่อายัดไว้มาชดเชยเหยื่อจากเหตุการณ์ 9/11 จำนวน 3.5 พันล้านดอลลาร์ และอีก 3.5 พันล้านดอลลาร์นำไปใช้ในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวอัฟกานิสถาน