͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: โบรกฯเชียร์ 'ซื้อ' ONEE ปี 65 กลับมาฟื้นเด่นรับละครฮอตหนุนเรทติ้ง  (อ่าน 18 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12401
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
โบรกฯเชียร์ 'ซื้อ' ONEE ปี 65 กลับมาฟื้นเด่นรับละครฮอตหนุนเรทติ้งช่อง-ต่อยอด OTT

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ 'ซื้อ' หุ้น บมจ.เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (ONEE) จากการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 65 ที่จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่น รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ที่การใช้เม็ดเงินโฆษณากลับมาฟื้นตัวขึ้น ประกอบการที่มีการนำคอนเทนท์ใหม่ๆออกมานำเสนอ ช่วยสร้างเรทติ้งให้กับช่อง ONE 31 และรายได้เสริมจากงานจ้างศิลปินและนักแสดงในสังกัด

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนนำเงิน IPO ไปใช้ไนการต่อยอดแพลตฟอร์ม OTT ช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งจะเป็นช่องทางที่เสริมรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้นในอนาคต และเป็นช่องมางที่สร้างรายได้มากกว่าการรับจ้างผลิตคอนเทนท์ให้กับแพลตฟอร์ม OTT รายอื่น ซึ่ง ONEE มีศักยภาพในส่วนของคอนเทนท์ และศิลปิน นักแสดงในสังกัด ที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นของตัวเองได้ และดึงดูดคนเข้ามาใช้บริการ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะเสริมรายได้เข้ามาให้กับบริษัท หนุนผลการดำเนินงานในอนาคต

ราคาหุ้น ONEE อยู่ที่ 11.30 บาท ลดลง 0.10 หรือ -0.88% เมื่อเวลา 15.14 น. ขณะที่ SET ลบ 0.84%

          ทิสโก้                         ซื้อ                           13.50
          ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี                ซื้อ                           12.70
          ยูโอบี เคย์เฮียน                 ซื้อ                           12.60
          หยวนต้า                       ซื้อ                           12.50
          เอเซีย พลัส                    ซื้อ                           12.50
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ONEE ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม หลังผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 ไปแล้ว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณากลับมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้มีการกลับมาใช้การทำโฆษณาของผู้ประกอบการต่างๆออกมามากขึ้น อีกทั้งการที่ทางบริษัทเริ่มมีการนำคอนเทนท์ใหม่ๆ ออกมาเผยแพร่ ทำให้ดึงคนเข้ามาชมและเรียกเรทติ้งได้มากขึ้น โดยเฉพาะในธุรกิจหลัก คือ ทีวีดิจิทัล ช่อง ONE 31

โดยปัจจัยดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่หนุนต่อการเติบโตที่โดดเด่นของผลการดำเนินการของ ONEE ในขณะที่บริษัทยังมีการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆต่อเนื่อง และการที่ได้เงิน IPO มา ทำให้บริษัทสามารถนำเงินไปต่อยอดการลงทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเอง ซึ่งจะเข้ามาเป็นหนึ่งในช่องทางที่เสริมรายได้ไนอนาคต และนำไปใช้คืนหนี้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง ทำให้ ONEE มีศักยภาพที่แข็งแกร่ง โดยให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.60 บาท/หุ้น

นักวิเคราะห์บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 65 จะเป็นปีที่ ONEE มีแนวโน้มผลประกอบการที่ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น และคาดว่าจะปรับตัวดีกว่าอุตสาหกรรม จากการที่บริษัทมีการปรับผังรายการ พร้อมการควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเริ่มนำละครใหม่ๆที่เลื่อนการฉายทางช่อง ONE 31 ทยอยออนแอร์มาต่อเนื่อง ทำให้รายได้โฆษณาใหม่ๆเข้ามามากขึ้นประกอบกับสร้างเรทติ้งให้กับช่องได้เพิ่มขึ้น พร้อมกับการที่นักแสดงมีงานจ้างจากสปอนเซอร์ต่างๆ ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้เข้ามามากขึ้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมุ่งในการพัฒนาแพลตฟอร์ม OTT ของตัวเอง เพื่อเป็นการเสริมรายได้เข้ามาจากช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นช่องทางที่บริษัทสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากการรับจ้างผลิตคอนเทนท์ให้กับแพลตฟอร์ม OTT อื่นและการที่ ONEE มีคอนเทนท์ที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนเข้ามาใช้แพลตฟอร์มของ ONEE ได้โดยที่ยังให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท/หุ้น

นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจของ ONEE หลังเข้า IPO เห็นความสดใสมากขึ้น โดยมาจากการใช้ Ecosystem ของบริษัทในการสร้างความหลากหลายและต่อยอดธุรกิจเข้าด้วยกัน ประกอบกับการนำผลงานใหม่ๆออกมา โดยเฉพาะละครที่เริ่มทยอยออกมาตั้งแต่ต้นปี 65 ที่ผ่านมาทำให้มีรายได้จากการโฆษณาเข้ามามากขึ้น รวมถึงรายได้จากการบริหารนักแสดงที่เข้ามามากขึ้นจากกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆของสปอนเซอร์

ขณะเดียวกันยังคงรอติดตามในเรื่องแพลตฟอร์ม OTT ของบริษัท ที่จะนำเงิน IPO มาใช้พัฒนาและคาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสแรกนี้ ซึ่งจะสามารถเป็นช่องทางที่สร้างรายได้ให้กับ ONEE มากกว่ารายได้จากการจ้างผลิตคอนเทนท์จาก OTT แพลตฟอร์ต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าหากเปิด OTT แพลตฟอร์มของ ONEE เองได้ สัดส่วนรายได้จากช่องทางออนไลน์จะเพิ่มเป็น 25-28% จากปัจจุบันที่ 20-21% อีกทั้งจะยังมีรายได้จากการโฆษณา Tie-in เข้ามาในคอนเทนท์ที่ผลิตเอง และได้รับรายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ทำให้หนุนต่อการเติบโตของผลประกอบการ โดยให้คำแนะนำ 'ซื้อ' ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท/หุ้น