͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 'แข็งค่า' ที่ระดับ 32.63 บาท/ดอลลาร์  (อ่าน 65 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11951
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมาก  ขณะบรรดาผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าใกล้โซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ 

อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.63 บาทต่อดอลลาร์ 'แข็งค่า'ขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  32.73 บาทต่อดอลลาร์
 

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่า แนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ทยอยขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เรามองว่า เงินบาทจะไม่แข็งค่าไปมาก เพราะบรรดาผู้นำเข้าต่างก็รอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าใกล้โซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ 
 

อีกทั้งในระยะสั้นนี้ ตลาดอาจยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติมมากนัก ทำให้ฟันด์โฟลว์จากนักลงทุนต่างชาติยังไม่รีบกลับเข้าตลาดหุ้นไทย ส่วนโฟลว์เก็งกำไรการแข็งค่าของเงินบาทอาจจะเริ่มชะลอลงในระยะสั้น เพราะผู้เล่นต่างชาติอาจรอให้เงินบาทอ่อนค่ากลับไปใกล้ระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ถึงจะเพิ่มสถานะเก็งกำไรฝั่งเงินบาทแข็งค่า ขณะที่ก็อาจมีบางส่วนที่อยากเริ่มขายทำกำไรบ้าง หากเงินบาทแข็งค่าใกล้ระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นเป้าราคาของบรรดาผู้เล่นต่างชาติ 
 

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.55-32.70 บาท/ดอลลาร์

 


ผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจทำให้บรรดาธนาคากลางหลักตัดสินใจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เร็วขึ้น อาทิ เฟดอาจลดคิวอีในอัตราที่เร็วขึ้นและอาจสามารถยุติการทำคิวอีได้ภายในต้นปี 2022 ทั้งนี้ ความกังวลของผู้เล่นในตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงกดดันตลาดการเงิน หลังจากที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ของอังกฤษ ในเดือนตุลาคมพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.1% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้และสูงที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี 
 

ความกังวลปัญหาเงินเฟ้อยังส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะลดความเสี่ยงลงบ้าง กดดันให้ในฝั่งสหรัฐฯ ทั้งดัชนี S&P500 ย่อตัวลงราว -0.26% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปิดตลาด -0.33% ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการเลือกประธานเฟดคนถัดไป ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ระบุว่า อาจจะมีการประกาศภายในต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งหากประธานเฟดคนถัดไป เป็น คุณ Lael Brainard ตลาดอาจตอบรับในเชิงบวก โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคฯ หรือ หุ้นสไตล์ Growth เนื่องจาก Brainard มีมุมมองที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่า ประธานเฟด Powell เล็กน้อย 
 

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX50 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.02% จากแรงขายทำกำไรตามสภาวะตลาดที่ผู้เล่นทยอยลดความเสี่ยงลงบ้าง ทั้งนี้ หุ้นนำตลาดยังคงป็นกลุ่มเดิมที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (โมเมนตัมยังแข็งแกร่ง) อาทิ ASML +1.5%, Kering +1.4% เป็นต้น  


ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลปัญหาเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่ทว่า บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลง 3bps สู่ระดับ 1.60% จากภาวะตลาดระมัดระวังตัว ส่งผลให้ผู้เล่นบางส่วนเลือกที่จะถือบอนด์เพื่อหลบความผันผวนในระยะสั้น ทั้งนี้ เราเชื่อว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอคอยการประกาศ ว่าที่ประธานเฟดคนถัดไป ก่อนที่จะมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนอีกครั้ง อย่างไรก็ดี เรามองว่า บอนด์ยีลด์ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ จากแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจและการทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องหรือคิวอีของบรรดาธนาคารกลางหลัก
 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากที่บอนด์ยีลด์ในฝั่งสหรัฐฯ ย่อตัวลง กอปรกับผู้เล่นในตลาดบางส่วนมีการทยอยขายทำกำไรจากการที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ปรับตัวลงสู่ระดับ 95.83 จุด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ที่พลิกกลับมาแข็งค่าสู่ระดับ 1.349 ดอลลาร์ต่อปอนด์ หลังจากที่อัตราเงินเฟ้ออังกฤษพุ่งขึ้นกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นตลาดกลับมามองว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมาใกล้ระดับ 1,870 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง 
 

สำหรับวันนี้ ตลาดประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโซนอาเซียนที่จะทยอยฟื้นตัว จะส่งผลให้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) รวมถึง ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.0% และ 3.5% ตามลำดับ เพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป
 

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว ตลาดจะรอจับตาการประกาศว่าที่ประธานเฟดคนถัดไปอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจส่งผลให้ ตลาดกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้นได้บ้าง หากประธานาธิบดี โจ ไบเดน เลือก Brainard ขึ้นเป็นประธานเฟดคนถัดไป ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่คงมองว่า ประธานเฟด Powell จะได้รับการต่อวาระสมัยที่ 2 เนื่องจาก Powell ได้รับการสนับสนุนจาก รัฐมนตรีคลังและอดีตประธานเฟด Yellen