͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: 5 อันดับ กองทุนหุ้นไทย ตามกลุ่มอุตสาหกรรม ผลตอบแทนสูงสุด  (อ่าน 1188 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ luktan1479

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16766
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


เปิด 5 อันดับ กองทุนหุ้นไทย "ผลตอบแทนสูงสุด" ในกลุ่ม "TH Sector Focus Equity" ชี้กระจุกตัวใน "ธนาคาร- พลังงาน- โครงสร้างพื้นฐาน" หากฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค หนุนยิลด์สูง กองทุน K-ICT นำโด่ง24.62% รองมากองทุน ONE-HOSPITAL ที่22.77% บลจ.กสิกรไทย แนะกลุ่มไอซีทีสดใส

การลงทุนใน "กองทุนหุ้นไทย" นั้นรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย นอกจากการลงทุนในหุ้นไทยที่มีการกระจายตัวในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว  ยังมีกองทุนที่ตั้งแยกขึ้นมาลงทุนเฉพาะในกลุ่มธุรกิจนั้นๆ ด้วย 

โดยทาง "มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)"  ได้แยกประเภทการลงทุนดังกล่าวออกมา ภายใต้ชื่อว่า "กลุ่มกองทุน TH Sector Focus Equity" เพื่อสะท้อนภาพการลงทุนของกองทุนประเภทนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 

สำหรับ "กองทุน TH Sector Focus Equity"  ทางมอร์นิ่งสตาร์ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อ แยกกองทุนที่มีการลงทุนแบบกระจุกตัวในหมวดธุรกิจใด ๆ ออกจากกลุ่มกองทุนที่มีลงทุนกระจายไปในหลายธุรกิจ และเพื่อประโยชน์ของผู้ลงทุนในการค้นหากรณีต้องการลงทุนแบบกระจุกตัว 

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก มอร์นิ่งสตาร์ รีเสริช  พบว่า   ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้   "กองทุนหุ้นไทย"   ในกลุ่ม TH Sector Focus Equity  ที่มีผลตอบแทนสูงสุด  5 อันดับ ดังนี้ 

1.กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร ( K-ICT)  มีผลตอบแทน       24.62%

2.กองทุนเปิด วรรณ โฮสพีทอล   ( ONE-HOSPITAL)    มีผลตอบแทน     22.77%

3.กองทุนเปิดกรุงศรีไฟแนนเชี่ยลโฟกัสปันผล   ( KFFIN-D)  มีผลตอบแทน   18.80%

4.กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET BANKING  SECTOR INDEX (ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์)  ( SCBBANKINGE)   มีผลตอบแทน     17.12%

5. กองทุนเปิดเค ดัชนีหุ้นธุรกิจธนาคาร  (K-BANKING ) มีผลตอบแทน 16.58%


นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด  กล่าวว่า มูลค่าการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม "ธนาคาร พลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน"  ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการบริโภค เป็นปัจจัยสนับสนุนผลตอบแทนกองทุนกลุ่มนี้ ในทางกลับกันเป็นการสะท้อนการปรับตัวของราคาหุ้นในกลุ่มนั้น ๆ ได้

แต่อย่างไรก็ดีผลตอบแทนกลุ่มนี้ค่อนข้างผันผวนเนื่องจากลักษณะธรรมชาติที่มีความกระจุกตัว ทำให้บางช่วงผลตอบแทนเป็นบวกสูงกว่าและติดลบได้มากกว่ากองทุนทั่วไป

ทั้งนี้ กองทุนกลุ่มนี้จะไม่มีการจัดอันดับเนื่องจากมีการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมที่ต่างกันอย่างชัดเจน จึงไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ 

อ่านข่าว : ราคาหุ้น‘ไฟเซอร์-โมเดอร์นา’ทรุดหวั่นวัคซีนป้องกันโควิด-19 เจอคู่แข่ง


อย่างไรก็ตาม การลงทุนตามกลุ่มอุตสาหกรรม สามารถเห็นเทรนด์การลงทุนที่ผู้ลงทุนสามารถพิจารณาการเติบโตของอุตสาหกรรมนั้นๆได้จากในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมานี้ 

สำหรับ กองทุนเปิด เค ดัชนี หุ้นธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร (K-ICT) ที่มีผลตอบแทนที่โดดเด่นในหมวดการลงทุนประเภทนี้ โดยผู้จัดการกองทุนยังมีมุมมองเชิงบวกสำหรับการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาว จากปัจจัยหนุนในเรื่อง "การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกลุ่ม INTUCH" ซึ่งทั้งนักลงทุนรายเดิมและรายใหม่ ยังสามารเข้าลงทุนเพิ่มเติมได้

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)  กสิกรไทย  มีมุมมองการลงทุนว่า  ในระยะสั้น Downside Risk บน  Valuation ของกลุ่มนี้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่สูงอีกด้วย รวมถึงได้ประโยชน์จากการคลายล็อกดาวน์และเศรษฐกิจฟื้นตัว หากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

ที่สำคัญ การเปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นในกลุ่ม INTUCH ทำให้ตลาดคาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นรวมถึงแผนงานทางทางธุรกิจเพิ่มเติม ตลอดจนถึงความเป็นไปได้ของการมี Synergy ร่วมกันจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่

ขณะที่ในระยะกลางถึงยาว คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมทั้งจากรายได้ 5G ที่จะทยอยเข้ามา แม้คาดว่าจะยังไม่เร็วนักเนื่องจากต้องรอ Eco System เช่น มือถือ 5G ที่ราคาถูกลง และการทดสอบการใช้งานจริง (Use Case) ของ 5G

คำแนะนำผู้ลงทุน  เข้าลงทุนได้ (สำหรับผู้ลงทุนใหม่) และลงทุนเพิ่มได้ (สำหรับผู้ลงทุนเดิม)