͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ดับร้อนหุ้น U...ก่อนแมลงเม่าล้มตาย / สุนันท์ ศรีจันทรา  (อ่าน 141 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13281
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


หลังปิดการซื้อขายหุ้นเมื่อวันพุธที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกประกาศทันที ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U รวมหุ้นบุริมสิทธิหรือ U-P และใบสำคัญแสดงสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญหรือ U-W4 เนื่องจากราคาและปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปมาก

ราคาหุ้น U พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงในวันพุธ โดยมีแรงซื้อเข้ามาตั้งแต่เปิดตลาด ผลักดันให้ราคาพุ่งขึ้นชนเพดานสูงสุดตั้งแต่การซื้อขายภาคบ่าย จนกระทั่งปิดการซื้อขายที่ราคา 1.43 บาท เพิ่มขึ้น 33 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้นชนเพดานสูงสุด 30% มูลค่าการซื้อขาย 2,915.54 ล้านบาท

U เพิ่งประกาศขยายการลงทุนครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยจะเข้าถือหุ้นใน บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในสัดส่วน 9.90% ของทุนจดทะเบียน ถือหุ้นในบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ในสัดส่วน 24.90% ของทุนจดทะเบียน

และซื้อหุ้นในบริษัท แอดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ A LIFE ในสัดส่วน 75% ของทุนจดทะเบียน

แม้การประกาศเป็นพันธมิตรธุรกิจกับกลุ่ม JMART จะเป็นปัจจัยในเชิงบวกและกระตุ้นให้หุ้นในกลุ่ม JMART และกลุ่ม BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ U พุ่งทะยานขึ้นมาต่อเนื่อง หลังจากหุ้นทั้ง 2 กลุ่มเงียบเหงาซบเซามาพักใหญ่

แต่หุ้น U กลับไม่คึกคักรับข่าวมากนักในช่วงแรก โดยเมื่อวันจันทร์ หลังแจ้งข่าวการร่วมทุนกลุ่ม JMART ราคาหุ้นปิดที่ 1.02 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขายเพียง 182.06 ล้านบาท วันอังคารปิดที่ 1.10 บาท เพิ่มขึ้น 8 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 682.94 ล้านบาท

จนวันพุธจึงมีการลาก U จนพุ่งชนเพดานสูงสุด 30% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่พองโต จนตลาดหลักทรัพย์ต้องประกาศมาตรการดับร้อน กำหนดให้ซื้อหุ้นด้วยเงินสด มีผลตั้งแต่วันที่ 2-22 กันยายนนี้

การจับมือร่วมกันเป็นพันธมิตรเพื่อรุกธุรกิจ ระหว่างกลุ่ม BTS กับ JMART มีการแถลงข่าวใหญ่ ผู้บริหารแต่ละกลุ่มออกมาประกาศแนวโน้มการเติบโตที่สดใส กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม

ผู้บริหาร BTS และ JMART ย่อมมีความเชื่อว่า จะส่งผลดีต่อธุรกิจทั้ง 2 กลุ่ม ผลประกอบการจะต้องเติบโตเพิ่มขึ้น เพียงแต่ขณะนี้เป็นเพียงวิสัยทัศน์ และความคาดหมายเท่านั้น ซึ่งจะต้องรอดูผลประกอบการที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต

ราคาหุ้นกลุ่ม BTS และ JMART ที่ขยับขึ้นมา จึงเป็นการซื้ออนาคต และไม่สามารถคำนวณได้แน่ชัดว่า ราคาระดับใดจึงเหมาะสม โดยเฉพาะ U ซึ่งลากกันจนชนซิลลิ่ง

การประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น U เป็นการส่งสัญญาณจากตลาดหลักทรัพย์ เตือนให้นักลงทุนระวังการซื้อขายหุ้นตัวนี้ เพราะราคาร้อนแรงเกินเหตุ และแม้จะมีจินตนาการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต แต่ความเป็นจริงในปัจจุบันคือ

ผลประกอบการบริษัทยังย่ำแย่ ปี 2563 ขาดทุน 6,610.75 ล้านบาท 6 เดือนแรกปีนี้ยังขาดทุน 448.73 ล้านบาท และเป็นเหตุผลทำให้ราคาหุ้นทรงๆ ทรุดๆ แถว 1 บาทมาตั้งแต่ต้นปี

นอกจากนี้ U ยังมีประวัติเป็นหุ้นร้อน ในยุคที่ใช้ชื่อ บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด หรือ N-PARK สร้างความเสียหายให้นักลงทุนถึงขั้นหมดตัวมาแล้วถึง 2 รอบ

และเป็นความเสียหายเพราะผู้บริหารสร้างจินตนาการทางธุรกิจ วาดฝันถึงแนวโน้มผลประกอบการ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เก็งกำไรหุ้น

แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่ U จะเปลี่ยนมือมาอยู่ในอาณาจักร BTS ของนายคีรี กาญจนพาสน์ แต่ไม่มีใครอยากเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในหุ้นตัวนี้

เมื่อราคาหุ้นร้อนผิดปกติ ตลาดหลักทรัพย์สมควรแล้วที่ต้องรีบดับร้อน เพื่อเตือนสตินักลงทุนที่กำลังแห่เข้าไปลุยหุ้น U