͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: 'ไมค์' ภูมิใจหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกได้ฉายแล้ว  (อ่าน 122 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Joe524

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15802
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด



ก้าวมาถึงจุดที่ “ความฝัน” กลายเป็น “ความจริง” ในชีวิตของนักแสดงหนุ่ม “ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” หลังภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกในชีวิต “The Misfits” ประกบซุปเปอร์สตาร์ เพียร์ซ บรอสแนน พระเอกระดับตำนานเจมส์บอนด์ 007 ที่นั่งแท่น Executive Producer ได้เข้าฉายในอเมริกาแล้ว กว่าจะมาถึงเส้นทางนี้ไม่ง่าย

เลยต้องถามความรู้สึกของไมค์ ณ วันนี้ “ไมค์” เปิดใจว่า

“ครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเปิดประตูใหม่ๆให้กับโอกาสทางการงานของไมค์ด้วย แล้วก็การได้ร่วมงานกับนักแสดงระดับท็อปๆของฮอลลีวูดก็ทำให้ตลาดนี้เปิดกว้างขึ้นด้วย”

พอใจฟีดแบ็กมากน้อยแค่ไหน? “ถือว่าดีเลย พอใจในระดับหนึ่ง แล้วก็คิดว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเปิดตลาดใหม่ด้วยครับ ถ้าไม่ติดสถานการณ์โควิด ตัวเราต้องเดินทางไปร่วมโปรโมตหนังที่อเมริกาที่คุยกับทางทีมเขาไว้ก็คือว่าถ้ามีการเดินพรมแดงหรือเปิดตัวหนังเค้าก็อยากให้ไปเพื่อมีโอกาสไปร่วมด้วย แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ก็คือไม่สามารถไปไหนได้เลย ถามว่าแอบเสียดายมั้ย ก็เสียดายครับ จริงๆ 2ปีที่ผ่านมามันก็มีหลายโอกาสที่เสียไปค่อนข้างเยอะ”

ความยากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือเรื่องอะไร? “ด้วยความที่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องแรกที่เป็นหนังพูดภาษาอังกฤษของไมค์ ความยากของมันก็คือเรื่องภาษา มันก็อาจจะต้องทำการบ้านค่อนข้างเยอะหน่อยในการที่จะให้สำเนียงไปได้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ”

กับนักแสดงที่ต้องเข้าฉากด้วยตื่นเต้นแค่ไหน? “ตื่นเต้นมากครับ อย่างเพียร์ซ บรอสแนน เค้าคือเจมส์บอนด์ 007 ที่เราเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก แล้วพอได้ไปเจอตัวจริงมันก็เหมือนกับเป็นความฝันของเราที่อยากจะร่วมงานกับดาราฮอลลีวูดคนนี้ด้วย จำได้เลยว่าตอนจับมือเราก็มือสั่นๆ นิดหน่อย”


คาแรกเตอร์ของไมค์ในภาพยนตร์ เรื่อง The Misfits เป็นอย่างไร?
“ตัวละครตัวนี้ชื่อว่าวิค (Wick) เป็นฝ่ายเทคโนโลยีของกลุ่มนี้ เป็นคนประดิษฐ์ระเบิด เค้าบอกว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่สนุก ซึ่งผมก็พยายามใส่ความสนุกในแบบผมลงไป ก็มีพาร์ตที่ต้องเต้นด้วย เรียกว่าฟรีสไตล์เลย บทไมค์เป็นแค่นักประดิษฐ์ เลยไม่ได้ต่อสู้บู๊เท่าไหร่ ส่วนใหญ่การต่อสู้จะเป็นของคนอื่น”

อยากให้เล่าถึงการร่วมงานกันกับนักแสดงคนอื่นๆ เป็นอย่างไรบ้าง? “The Misfits เป็นการรวมตัวกันของคนจากหลากหลายพื้นที่ มารวมตัวกันเพื่อทำภารกิจปล้นจากคนรวยนำมาให้กับคนที่จำเป็นต้องใช้ คล้ายๆโรบินฮู้ด ซึ่งทีมนี้จะประกอบไปด้วย เพียร์ซ บรอสแนน เป็นคนนำทีม รามี เจเบอร์, เฮอร์ไมโอนี คอร์ฟีลด์, เจมี ชุง ฯลฯ มารวมตัวกัน ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกันไป”


ไมค์ได้เรียนรู้หรือเก็บเกี่ยวประสบการณ์อะไรจากเพียร์ซ บรอสแนน บ้าง?
“ด้วยความที่ได้เข้าฉากกับเค้าค่อนข้างเยอะ โดยส่วนตัวผมเองค่อนข้างเกร็ง เค้าเลยค่อนข้างให้กำลังใจ เป็นคนที่ให้พลังบวกกับกองถ่ายเยอะ เวลาเค้าอยู่ใกล้ๆ ทำให้เราเกิดความมั่นใจมากขึ้น มันทำให้การแสดงของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้นและเกร็งน้อยลง”

มีคำไหนของเพียร์ซ บรอสแนน ทำให้ไมค์ประทับใจบ้าง? “คือจริงๆประทับใจแทบจะทุกอย่างเลย เวลาเข้าฉากกับเค้า เค้าก็รู้ว่าเราเกร็ง เค้าก็บอกให้เรารีแลกซ์ ให้ทำไปเดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราทำได้ดีแน่นอน คือเค้าให้กำลังใจและให้พลังงานด้านบวกตลอดเวลา”

หลายคนมองว่าฮอลลีวูดต้องเป๊ะมากพอไปสัมผัสแล้วเป็นอย่างนั้นรึเปล่า? “เป๊ะทุกอย่างครับ โดยเฉพาะเรื่องเวลา คือเราไม่ต้องกังวลว่านอกเหนือจากหน้าที่การแสดงแล้ว เราจะต้องไปโฟกัสอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า ผม คือเราไม่ต้องกังวลเลย”


คาดหวังหรือวางเส้นทางในวงการฮอลลีวูดไว้อย่างไรบ้าง?
“ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าทำไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของการ กระทำของเรามันก็จะพาเราไปสู่จุดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เราตั้งเป้าไว้แค่นี้แต่มันอาจจะไปได้ไกลกว่านั้น อยู่กับปัจจุบัน และพยายามทำต่อไป”

ไมค์เขินมั้ยเวลาที่คนอาจจะบอกว่าเราเป็นนักแสดงฮอลลีวูด? “โดยส่วนตัวผมก็ยังไม่ได้ขนาดนั้น ผมรู้สึกว่าตรงนี้มันเป็นแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปต่อในเส้นทางไหน”

ถือเป็นรางวัลของความไม่ท้อของตัวเอง? “ใช่ๆ มันอาจจะใช้เวลานานหน่อย คือจริงๆมันเป็นความฝันตั้งแต่เด็ก ซึ่งมันก็กลายเป็นเป้าหมายของเราในชีวิต แล้วพอเราทำให้มันเกิดขึ้นมันก็กลายเป็นความจริงของเรา ซึ่งเราก็ได้ไปถึงจุดนั้น แล้วก็คาดว่าก็คงอยากจะไปต่อในอนาคต”

แล้วงานในไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
“จริงๆตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นงานพรีเซนเตอร์ ในอนาคตก็ไม่แน่ว่าผมอาจจะมีการทำงานเกี่ยวกับเบื้องหลังมากขึ้น เพราะมันก็เป็นสิ่งที่ชอบส่วนตัวอยู่แล้ว และก็มีแพชชันในเรื่องกำกับ เขียนบท และ สร้างหนัง ในอนาคตก็อาจได้เห็นในมุมนี้มากขึ้น”

แล้วงานในประเทศจีนล่ะ? “จริงๆมีอยู่เรื่อยๆคือว่าผมไม่ได้กลับจีนมาประมาณ 2 ปีแล้ว จริงๆแพลนไว้ว่าปลายปีที่แล้วจะกลับไปรับงานที่เมืองจีน แต่เพราะติดงานเลยยังกลับไม่ได้ บวกกับเรื่องสถานการณ์หลายๆอย่างมันก็หลับไม่ได้ เอาจริงๆ 2 ปีนี้ เสียโอกาสไปค่อนข้างเยอะมากเลย เนื่องจากมีงานใหม่ๆที่ต้องปฏิเสธไปเพราะไปไม่ได้”


ถามเรื่องโอนเงินวันเกิดให้น้องแม็กซ์-เวลล์ ลูกชาย มีทั้งการบริจาคช่วยโควิด-19 ทำไมถึงอยากทำบุญให้ลูก และหลายคนประทับใจที่สอนลูกว่าโตขึ้นขอให้เป็นผู้ให้ รู้สึกยังไง?
“สถานการณ์ในตอนนี้ทุกคนต่างต้องการความช่วยเหลือครับ แล้วเดือนนี้ก็เป็นเดือนเกิดของ แม็กซ์ด้วย ปกติแล้วถ้าผมได้อยู่กับแม็กซ์ในวันเกิดเราก็จะมีกิจกรรมร่วมกัน มีพาไปทำบุญอยู่แล้วในทุกๆปี สำหรับปีนี้ที่ผมไม่สามารถไปเจอเค้าได้ด้วยตัวเองเนื่องจากสถานการณ์โควิด ผมเลยอยากเป็นตัวแทนแม็กซ์ช่วยเหลือสังคม ผมคิดว่าถ้าลูกโตขึ้นเป็นผู้ให้ความสุขจากการให้มันสุขมากกว่าการเป็นผู้รับและผมอยากให้ลูกได้รับรู้ ความรู้สึกนั้น ผมในฐานะที่เป็นพ่อก็ภาวนาว่าให้ผลบุญที่ได้ทำส่งเสริมให้เค้าอยู่รอดปลอดภัย เป็นเด็กดีเป็นที่รักของทุกคน

ส่วนเรื่องการเก็บเงินเข้าบัญชีผมแค่ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดตามกำลังที่ผมมีในวันนี้ ผมแค่มองว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นแบบนี้มันไม่มีอะไรการันตีว่าในอนาคตมันจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเราก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าในอนาคตงานเราจะยังเป็นแบบนี้อยู่อีกหรือเปล่า เพราะผมเองก็เป็นกังวลว่าจนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าหากว่ารายรับของผมมันไม่เสถียรหรือว่ามันหยุดนิ่ง ผมจะได้มั่นใจว่าในอนาคตอย่างน้อยที่สุดเค้ามีต้นทุนการศึกษาที่ผมเก็บไว้ให้ เราต่างไม่สามารถรู้อนาคตได้ สิ่งที่ผมทำได้ในวันนี้ก็แค่อยากทำให้ดีที่สุดในฐานะพ่อคนนึง แค่อยากช่วยเหลือให้มากที่สุดตามกำลังของเราและผมจะทำต่อไปเรื่อยๆแน่นอน”

เวลาที่เราได้ทำงานใหญ่ๆอย่างการถ่ายหนังฮอลลีวูดที่มีอุปสรรคทำให้ท้อ มีอะไรยึดเหนี่ยวจิตใจที่ทำให้ฮึดได้ทุกครั้ง?
“เป้าหมายครับ เป้าหมายที่อยากเป็นคนที่ดีขึ้น แต่เป้าหมายของผมคงเป็นขั้นบันไดหมายถึงว่าเมื่อผมได้เดินไปแตะถึงเป้าหมายนี้ ผมก็อยากทำสิ่งใหม่ต่อที่ท้าทายและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ผมทำงาน ซึ่งก็ 20 ปีแล้วครับที่เป้าหมายใหม่ๆมันถูกกำหนดเอาไว้เสมอก่อนที่เป้าหมายอันเก่าใกล้จะสำเร็จ ทุกเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมายมันมีอุปสรรคอยู่แล้วครับไม่ว่าผมหรือใคร สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมันมีหลายองค์ประกอบรวมกัน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือกำลังใจจากครอบครัวจากคนที่ผมรัก จากคนที่รักผม จากแฟนคลับของผม มันเป็นเรื่องปกติของทุกคนในโลกนี้ที่ต้องเคยท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แต่ทุกครั้งกำลังใจต่างๆก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาสู้ง่ายขึ้นเร็วขึ้น”

มองอนาคตกับงานในวงการบันเทิงไว้อย่างไรบ้าง?
“ผมเริ่มมาสนใจงานเบื้องหลังแบบจริงจังช่วงนี้เลยครับ คิดว่าน่าจะเป็นเป้าหมายใหม่กับอนาคตในวงการบันเทิงที่ผมวางไว้ หวังว่าจะไปให้ถึงจุดนั้น งานเบื้องหน้าก็ยังทำอยู่อย่างต่อเนื่องครับ ผมอยากเอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ผมมี ที่ได้จากการทำงานเบื้องหน้าและได้รู้จักกับทีมงานเบื้องหลัง แต่ถ้าผมกลับไปทำงานที่จีนแล้วงานส่วนนี้อาจ จะพักเอาไว้ก่อนก็ต้องทำงานเบื้องหน้าไปก่อนครับ ไม่ได้ไปกำหนดว่าจะต้องเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรอกครับ แต่ว่าโอกาสไหนมาก่อนก็คว้าโอกาสนั้นไว้ก่อน ทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงไปก่อน เวลานอก เหนือจากนั้นก็ศึกษา หา ความรู้อื่นๆ ที่เป็นประ-โยชน์กับตัวเอง”

อยากบอกอะไรแฟนๆที่คอยซัพพอร์ต “ไมค์” มาตลอด?
“ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันมาเสมอ ทั้งแฟนคลับที่ไทยและที่จีนและทุกๆที่ที่ซัพพอร์ตผมตลอดมา ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ผมมีเวลาหยุดและประเมินหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมากับตัวเอง ก็มานั่งคิดว่าหลายคนเค้าอยู่กับเราในทุกช่วงเวลา อยู่กับผมตั้งแต่ผมยังมีความคิดเป็นเด็ก ยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ยังตัดสินใจอะไรผิดพลาด เค้าอยู่เคียงข้างกับผลลัพธ์ของมันกับผมมาโดยตลอด ผมไม่คิดว่าผมในวันนี้เป็นผมที่ดีที่สุด แต่ผมจะเป็นคนที่ดีขึ้น เพื่อตอบแทนกำลังใจและการซัพพอร์ตเป็นการตอบแทนให้กับพวกเค้าที่ไม่เคย ทอดทิ้งผมเช่นกัน”.

เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย https:// www.thairath.co.th/entertain/news/2153573