หญิงไทยในเมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน อินเดีย เผยชีวิตช่วงโควิดฯ สุดลำบาก มีลูก 3 ขวบ และกำลังตั้งครรภ์ แพ้ท้องหนัก สามีต้องเดินเท้า 10 กม.เพื่อไปซื้อยา เผยมีคนไทยกว่า 1.2 พัน รอกลับประเทศ แต่หาเช่าเครื่องบินไม่ได้
วันที่ 17 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อจาก นางชุดฏนา คาเลีย แม่บ้านชาวไทย ที่เมืองชัยปุระ รัฐราชสถาน ประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า ที่ชัยปุระตอนนี้ยังอยู่ในการสถานการณ์ล็อกดาวน์ทั้งเมือง ไม่สามารถออกจากบ้าน ยกเว้นการซื้อของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต แต่ต้องเดินไปเท่านั้นไม่สามารถใช้รถยนต์ได้ ซึ่งขณะนี้ตนกำลังครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว แพ้ท้องอย่างหนักและยังมีลูกสาววัย 3 ขวบอีก 1 คน ต้องการยา ผ้าอ้อม และอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งสามีต้องเดินหาซื้อให้ระยะทางกว่า 10 ก.ม. ทุกสัปดาห์ ไปหาหมอไม่ได้ คนท้องถิ่นในเมืองมีความหวาดกลัวหวาดระแวงคนไทย ว่าเป็นคนแพร่เชื้อไวรัส
โควิด-19“ชีวิตตอนนี้ลำบากมาก อยากกลับประเทศไทย พยายามติดต่อสถานทูตที่กรุงนิวเดลลีทุกวัน ว่า จะได้บินกลับไทยเมื่อไหร่ ก็ยังไม่ได้คำตอบ เจ้าหน้าที่สถานทูตบอกได้แต่ให้รอ ซึ่งตอนนี้มีคนไทยในอินเดียลงทะเบียนรอกลับประเทศไทย มากถึง 1,247 คน และก็ไม่รู้จะได้กลับคิวที่เท่าไร ซึ่งสภาพร่างกายที่แพ้ท้องอย่างหนัก ไม่สามารถจะอยู่ในเมืองที่ไม่สามารถไปหาหมอได้ อยากได้รับการช่วยเหลือด้านการแพทย์โดยเร็ว"
มีรายงานว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลลี พยายามติดต่อหาเช่าเหมาเครื่องเหมาลำเพื่อขออนุมัติโควตาจากรัฐบาลไทย ในนำคนไทยจากอินเดียกลับประเทศไทย แต่ยังไม่สามารถหาสายการบินจากอินเดียไปได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงถึง 26,000 บาท และรัฐบาลอินเดียยังสร้างห้ามบินทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงนิวเดลลี พยายามติดต่อเช่าเหมาลำสายการบินจากประเทศไทยบินมารับคนไทยกลับประเทศแทน
วันเดียวกัน ช่วงค่ำ ได้มีคนไทยเดินทางกลับจากประเทศบังกลาเทศ 35 คนโดยสายการบินยูเอสบังกลาแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ BS213 โดยคนไทยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ เป็นชาวไทยมุสลิม และนักเรียนไทยที่เป็นเรียนศาสนาอิสลามที่บังกลาเทศ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค ตรวจพบผู้เดินทางมามีไข้ 2 ราย จึงนำส่งไปตรวจที่โรงพยาบาล ส่วนผู้โดยสายที่เหลือ 33 ราย เจ้าหน้าที่ทหารจากกองบัญชาการกองทัพไทยนำส่งกักตัวเฝ้าระวังการติดเชื้อที่โรงแรมย่านดอนเมือง เป็นเวลา 14 วัน.