͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 401.97 จุด หลายปัจจัยบวกหนุนตลาด  (อ่าน 113 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (4 พ.ย.) ขานรับการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ, ความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการเปิดประเทศของจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,403.22 จุด เพิ่มขึ้น 401.97 จุด หรือ +1.26%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,770.55 จุด เพิ่มขึ้น 50.66 จุด หรือ +1.36% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,475.26 จุด เพิ่มขึ้น 132.31 จุด หรือ +1.28%

แต่ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 1.39% หลังบวกติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์, ดัชนี S&P500 ลดลง 3.34% และดัชนี Nasdaq ลดลง 5.65% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์รายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนม.ค.

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นหลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐบ่งชี้ว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งแสดงถึงสัญญาณการชะลอตัวในตลาดแรงงาน และอาจทำให้เฟดสามารถปรับลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง แต่ก็ชะลอตัวจากระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.5% ในเดือนก.ย.

ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะพิจารณาเกี่ยวกับการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

บรรดานักลงทุนคาดการณ์เพิ่มขึ้นว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. หลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักราว 62% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 51.5% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่า จีนกำลังพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และอาจมีการเปิดประเทศในเดือนมี.ค.2566

ทั้งนี้ นายหาว ฮง นักเศรษฐศาสตร์ของจีน ทวีตข้อความระบุว่า ทางการจีนกำลังจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาการเปิดประเทศ และกำลังทบทวนข้อมูลด้านโควิด-19 ในต่างประเทศ เพื่อประเมินสถานการณ์หากมีการเปิดประเทศ โดยจีนมีเป้าหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบในการควบคุมโรคโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2566

หุ้นของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐ พุ่งขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว อาทิ หุ้นอาลีบาบา ปิดพุ่ง 7.05% และหุ้นเจดี.คอม พุ่งขึ้น 9.74% นอกจากนี้ ความหวังดังกล่าวยังช่วยหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ ทองแดง และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มวัสดุ พุ่งขึ้น 3.41%

ส่วนหุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้น อาทิ หุ้นสตาร์บัคส์ คอร์ป พุ่ง 8.48% หลังเปิดเผยยอดขายและผลกำไรรายไตรมาสที่สูงเกินคาด และหุ้นดอร์แดสซึ่งเป็นบริษัทรับส่งอาหาร พุ่งขึ้น 8.32% หลังเปิดเผยรายได้สูงเกินคาด

สำหรับในสัปดาห์หน้านั้น บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมถึงการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.