ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (28 ต.ค.) โดยขานรับการเปิดเผย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.15% แตะที่ระดับ 110.7520
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 147.51 เยน จากระดับ 146.25 เยน, แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9961 ฟรังก์ จากระดับ 0.9916 ฟรังก์, แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3609 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3559 ดอลลาร์แคนาดา และแข็งค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.9606 โครนาสวีเดน จากระดับ 10.9569 โครนาสวีเดน
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 0.9958 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9965 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1611 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1561 ดอลลาร์
ดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยสำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3% และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.2% แต่สูงกว่าระดับ 4.9% ในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค.
ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนได้เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.9 ในเดือนต.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 59.8 หลังจากแตะระดับ 58.6 ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีดตัวสู่ระดับ 65.6 แต่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าร่วงลงสู่ระดับ 56.2