͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด หุ้นพลังงานหนุนตลาด  (อ่าน 14 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14700
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด หุ้นพลังงานหนุนตลาด

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 500 จุด ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน โดยดัชนีปรับตัวแดนบวกสลับแดนลบในช่วงแรก

ณ เวลา 01.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,367.75 จุด บวก 550.37 จุด หรือ 1.68%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นนำตลาด ขานรับการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 128 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะลุระดับ 132 ดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า สหรัฐเตรียมคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียในวันนี้

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศในวันนี้ว่า สหรัฐจะคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเพื่อตอบโต้ต่อการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

"เราจะห้ามการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ซึ่งหมายความว่ารัสเซียจะไม่สามารถส่งน้ำมันมายังท่าเรือสหรัฐอีกต่อไป" ปธน.ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในวันนี้

ปธน.ไบเดนคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นต่อไป อันเป็นผลจากมาตรการดังกล่าว แต่เขาให้สัญญาว่าจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อลดผลกระทบต่อชาวอเมริกัน

นักลงทุนจับตาสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งจะกระตุ้นเงินเฟ้อ และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน กล่าวว่า จีนพร้อมที่จะมีบทบาทอย่างมากในการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ตามที่ทุกฝ่ายมองว่ามีความจำเป็น

ทั้งนี้ ปธน.สี จิ้นผิงกล่าวถ้อยแถลงดังกล่าวในการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้นำเยอรมนี

นักลงทุนจับตาตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพฤหัสบดี ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 15-16 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%