ในปัจจุบันผู้คนหันมาใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิตในการใช้ชำระค่าสินค้า บริการ หรือทำธุรกรรมอื่นๆบนโลกออนไลน์มากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการตอบโจทย์ ของการเป็น“สังคมไร้เงินสด”ในประเทศไทย อันเนื่องมาจากการชำระค่าสินค้า บริการ หรือทำธุรกรรมอื่น ๆ บนโลกออนไลน์นั้นไม่มีความยุ่งยากซับซ้อนให้ความสะดวกแก่ผู้ถือบัตรอีกด้วย
และในปัจจุบันสังคมไทยมีอัตราสถิติ E-Commerce ที่เพิ่มสูงขึ้น กล่าวคือมีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นในทุกๆวัน ส่วนใหญ่ผู้บริโภคหรือนักช้อปออนไลน์จะเลือกชำระเงินในช่องทางออนไลน์ ซึ่งการเลือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตและบัตรเดบิต ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่สะดวก และสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิทเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ซึ่งผู้บริโภคเหล่านี้จะซื้อสินค้าหรือ บริการออนไลน์ผ่านเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลก ตามความต้องการของตนเองในการซื้อแต่ละครั้งบนโลกออนไลน์ และการชำระเงินในแต่ละครั้งก็ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งข้อมูลอย่างหนึ่งที่จำเป็นต้องใส่คือ รหัส CVV ย่อมาจาก Card Verification Code
หลายคนสงสัยว่า รหัส CVV (Card Verification Code) คืออะไรCard Verification Code หรือ รหัส
CVV คือ รหัสที่อยู่หลังบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต จำนวนรหัส CVV ก็จะขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร ถือว่าเป็นการยืนยันตัวตนผู้ถือบัตร เนื่องจากการซื้อของออนไลน์นั้นจะต้องยืนยันตัวตนว่าผู้บริโภคเป็นผู้ถือบัตรหรือเจ้าของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่แท้จริง การกรอกรหัส CVV ก็ถือว่าเป็นการรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่ง หากไม่กรอกรหัส CVV ก็จะไม่สามารถชำระเงินได้
รหัส CVV จะต้องถูกเก็บเป็นความลับ ห้ามเปิดเผยแก่ผู้อื่น เพื่อหลีกเลี่ยงมิจฉาชีพ หากโดนขโมยบัตรหรือมีบุคคลอื่นนำไปใช้โดยไม่ได้รับการยินยอมเจ้าของบัตรจะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย