͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 24, 2022  (อ่าน 79 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 24, 2022

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นกว่า 200 จุดช่วงเช้านี้ โดยบรรยากาศการซื้อขายฟื้นตัวขึ้นหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งส่วน ใหญ่เป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ณ เวลา 08.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 220 จุด หรือ +0.64% แตะที่ระดับ 34,377 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดในวันศุกร์ (21 ม.ค.) และทำสถิติดิ่งลงเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันนานที่สุดนับ ตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 4.6%, ดัชนี S&P500 ร่วงลง 5.7% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 7.6%

-- นักลงทุนจับตาข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและรัสเซียอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศคำสั่งให้สมาชิกครอบครัวของผู้ที่ปฏิบัติ หน้าที่ในสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน รีบหนีออกจากยูเครน เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกองทัพรัสเซีย

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังแนะนำให้พลเมืองสหรัฐที่อาศัยอยู่ในยูเครนหาลู่ทางออกนอกประเทศตั้งแต่วันนี้

แถลงการณ์จากกระทรวงฯ ระบุว่า "เราได้รับรายงานว่ารัสเซียกำลังวางแผนใช้กำลังทางทหารกับยูเครน" โดยสถานการณ์ความมั่นคงในไครเมียซึ่งรัสเซีย ครองอยู่และในพื้นที่ทางตะวันออกของยูเครนซึ่งรัสเซียควบคุมอยู่นั้น เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยากและอาจย่ำแย่ลงโดยไม่มีการส่งสัญญาณให้เตรียมตัว

-- ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังร่วงลงอย่างหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ

ณ เวลา 06.30 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 1,015 ดอลลาร์ หรือ 2.87% แตะที่ระดับ 36,403 ดอลลาร์ ส่วนราคาอีเธอร์เรียมอยู่ที่ระดับ 2,528.01 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 105.11 ดอลลาร์ หรือ 4.34%

-- นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน เดือนมี.ค.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงนางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดที่กล่าวต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ว่า เฟดอยู่ในสถานะที่พร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีที่โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ยุติลง

-- นายเดวิด เมริเคิล นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

"เราคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ โดยจะปรับขึ้นในเดือนมีนาคม, มิถุนายน, กันยายน และธันวาคม นอกจากนี้ เราคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ เฟดจะส่งสัญญาณการคุมเข้มนโยบายการเงินในการประชุมทุกครั้งในปีนี้ จนกว่าภาพรวมของอัตราเงินเฟ้อจะเปลี่ยนแปลงไป" นายเมริเคิลเปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซี เอ็นบีซีเมื่อวานนี้

-- นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาให้ความเห็นว่า นโยบาย Zero-Covid ของจีนเริ่มเป็นภาระต่อระบบ เศรษฐกิจมากขึ้นทุกที เนื่องจากส่งผลกระทบแง่ลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศจีนและทั่วโลก

อนึ่ง นโยบาย Zero-Covid ของจีนหมายถึงการใช้มาตรการต่าง ๆ เช่น การล็อกดาวน์ การตรวจหาเชื้อจำนวนมาก และการบังคับผู้เดินทางเข้าพื้นที่ให้กักตัว เพื่อรักษายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นศูนย์

นางจอร์เจียวาเปิดเผยกับสำนักข่าว CNBC ว่า แผนการควบคุมโควิด-19 ให้อยู่แต่ในวงจำกัดของจีนนั้นประสบความสำเร็จดีในช่วงแรก ๆ แต่ตอนนี้ก็อาจก่อให้ เกิดความเสี่ยงมากกว่าประโยชน์

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยมาร์กิตจะเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนม.ค. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนม.ค.ของหลายประเทศ ซึ่งได้แก่ฝรั่งเศส, เยอรมนี, สหภาพยุโรป, อังกฤษ และสหรัฐ