͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เจาะกลยุทธ์เดอะสแตรนด์ทองหล่อหลานเจ้าสัวซีพี“  (อ่าน 54 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12401
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
เจาะกลยุทธ์เดอะสแตรนด์ทองหล่อหลานเจ้าสัวซีพี“ธัญญ่า เจียรวนนท์”

แม้โควิด-19ส่งผลกระทบอสังหาฯแต่เดอะสแตรนด์ทองหล่อของ"ธัญทิพ เจียรวนนท์ "หลานสาวเจ้าสัวซีพีธนินท์ เจียรวนนท์กลับยอดขายพุ่ง ทั้งที่ราคาขยับขึ้น 4แสนบาทต่อตร.ม.สวนทางคู่แข่งปรับราคาลงเพื่อกระตุ้นยอดขาย

เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ ถือเป็นโครงการแรกของวันพ้อยท์ซิกซ์ ที่ร่วมทุนกับ MQDC หรือบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นการอยู่อาศัยในรูปของมิกซ์ยูส (Mixed-use)ที่อยู่ในโลเกชั่นสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ที่มีมูลค่ากว่า4,800ล้านบาท 188 ยูนิต ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ 100%

ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า  แม้ว่าในช่วงโควิดที่ผ่านมาคู่แข่งในย่านนี้จะปรับลดราคาลงมาแต่เรา "ไม่มี"นโยบาย  ทั้งนี้เนื่องจากทองหล่อเป็นทำเลที่รองรับตลาดลักชัวรีอยู่แล้วจึงมั่นใจว่าลูกยอมรับราคาได้ เพราะ จุดเด่น 1. ทำเล 2. โปรดักส์ ที่ให้กับลูกค้าเมื่อเทียบกับสินค้าที่มีอยู่ในตลาดมีความแตกต่างและราคาไม่ได้หนีจากตลาด เพราะปกติราคาที่ดินทองหล่อปรับเพิ่มขึ้นปีละ10%

   " ช่วงเปิดตัวโครงการ ราคาอยู่ที่ 3.5แสนบาทต่อตร.ม.  แม้ในช่วงโควิดเราไม่ได้ปรับราคาลงมา โดยราคาโครงการเฉลี่ยตก4แสนบาทต่อตร.ม. ราคาเริ่มต้นห้อง 17 ล้านบาทขนาด38 ตร.ม. ส่วนเพนท์เฮ้าส์ ราคาห้องละกว่า80ล้านบาท เหลือ2ห้องราคาสูงกว่า100ล้านบาท  จึงต้องคีฟแวลูไว้ ประกอบกับว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ใหม่ที่สุดในทองหล่อ "

ธัญทิพ   กล่าวว่า ยอดขาย60% เป็นต่างชาติ20%ส่วนใหญ่จะเป็นคนยุโรปอย่างสวิส ฝรั่งเศส  อเมริกัน มีคนฮ่องกงและจีนบ้างขณะนี้เหลือโควตาต่างชาติประมาณ30%  คาดว่าจะสามารถเปิดโครงการในปี2566 ตามแผน เพราะในช่วงโควิดสามารถโอนได้ตามกำหนด แต่เชื่อว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น เมื่อ คนต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้น 

" จุดแข็งของโครงการคือการออกแบบที่อยู่อาศัยแนว ไทม์เลสเพราะลูกค้าที่่ซื้อสินค้าที่แพงขนาดนี้การออกแบบควรไม่ล้าสมัยเร็ว ดีไซน์ดูดีไป10-20ปี  และต้องยอมรับว่านามสกุลมีผลในการช่วยดึงคนรู้จักสนใจเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ส่วนการตัดสินใจขึ้นอยู่กับเขา ซึ่งก็มีส่วนหนึ่งที่เขามาซื้อบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด  เพราะคนที่มาซื้อทองหล่อเขาต้องอยากอยู่ที่ทองหล่อ จริงๆอยากให้นามสกุลช่วยขายได้มากกว่านี้"

สำหรับพฤติกรรมการซื้อคอนโดลักชัวรี มักให้ความสำคัญทำเล ฟังก์ชันว่า พื้นที่ส่วนกลาง ใครดูแลงานนิติบุคคลอาคารชุด ลูกค้าให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้มากกว่าแบรนด์ ทั้งนี้เนื่องจากอสังหาฯเมืองไทยมาตรฐานสูงมากคู่แข่งในตลาดทุกคนแบรนด์แข็งแกร่ง ฉะนั้น สุดท้ายต้องดูเรื่องฟังก์ชั่น ว่าเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ลูกค้ารวมถึงเรื่องทำเล !

 ธัญทิพ   ระบุว่า โครงการที่สองบริษัทมีแผนที่จะล้อนช์กลางปี2565  เป็นโครงการที่พักอาศัย ระดับลักชัวรี  ทำเลในCBD ซึ่งเป็นที่ดินใหม่ ที่ซื้อมาเพื่อทำโครงการ "ไม่ใช่" ที่ดินเก่าของครอบครัวเหมือนกับโครงการเดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ โดยมองว่า ตลาดลักชัวรียังไปต่อได้ !  เพราะคนไทยกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อ

 คาดว่า ช่วงเปิดตัวโครงการที่สองกลางปีหน้า sentimentและทุกอย่างน่าจะดีขึ้น  จากปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว การใช้ชีวิตกลับมาปกติ รวมทั้งการกลับเข้ามาของคนต่างชาติ 

 

ชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการเดอะ สแตรนด์ ทองหล่อมียอดขายอยู่ที่ 60% จากทั้งหมด 188 ยูนิต และยอดโอนอยู่ที่ 25% รับรู้รายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนไทย มีไลฟ์สไตล์แบบ มินิมอล ลักชัวรี ที่รักการใช้ชีวิตในเมือง เข้าสังคมอยู่บ่อยและให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว  ส่วนกลุ่มชาวต่างชาติ จะเป็นกลุ่ม ผู้บริหารชาวต่างชาติ หรือกลุ่มคนต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expats)

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาซื้อ 70% เป็นสัดส่วนลูกค้ากลุ่มเรียลดีมาด์ ที่เหลือ30% เป็นนักลงทุน มีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งอัตราผลตอบแทนจากการให้เช่า 3-5% คาดว่าในปี 2565 ยอดขายจะมากกว่า 70%และจะสามารถปิดโครงการไดัในปี2566  โดยในปี2565 บริษัทวางกลยุทธ์เปิด "เกมรุก" ในการเจาะและขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความหรูหรา มีไลฟ์สไตล์ระดับ Elite และ Platinum ทั้งในเชิงการกิน เที่ยว สังสรรค์ ปาร์ตี้ หรือแม้แต่กีฬาในรูปแบบเฉพาะกลุ่ม ทั้งกอล์ฟ เรือใบ ขี่ม้า เป็นต้น 

    รวมทั้ง ลูกบ้านสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ  The Playroom ที่มีส่วนของ Play room และ Tutor room,  The Clubhouse ชั้น 27  ที่ประกอบด้วย  The Sky Lounge, Fitness & Meditation Studio โดยใช้เครื่องเล่นจาก Techno Gym, สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ สำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำสำหรับเด็ก รวมทั้งห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมห้องอบไอน้ำแยกชายหญิง นอกจากนี้ บนชั้น Rooftop ยังวาง Putting green สำหรับคนที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟ เปรียบเทียบเสมือนเล่นกอล์ฟ 9 หลุม และ BBQ area


 รวมทั้งการมีพื้นที่รีเทลจำนวน 800 ตร.ม. โดยได้  4 พาร์ทเนอร์ เข้ามาสร้างสรรค์สีสันได้แก่ D’ARK /  Boundary / Dream Loft / Marchwood ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ในการนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และเสมือนเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ที่มาร่วมเปิดภายในโครงการโดยเฉพาะ 


 และอีกหนึ่งความพิเศษ คือ “THE STRAND Park” พื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ เพื่อสร้างไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตี้มิกซ์ยูส Live-Eat-Work ให้คอมมูนิตี้ที่สร้างสีสันให้กับทั้งลูกค้าบ้านและคนทั่วไป