͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: คล็อปป์ล้มทุกทีมในลีก,หงส์เสียเปรียบปืน  (อ่าน 64 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15570
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
คล็อปป์ล้มทุกทีมในลีก,หงส์เสียเปรียบปืน? 5 ข้อลิเวอร์พูลเชือดนิ่มเบรนท์ฟอร์ด

ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็กระโดดขึ้นสู่ตำแหน่งรองจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก หลังเปิดบ้านต้อนตือ เบรนท์ฟอร์ด 3-0

    ด้วยเหตุที่ เชลซี ออกไปแพ้ แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันก่อน 1-0 จึงส่งผลให้ เร้ด แมชีน แซงนำ สิงห์บลูส์ สองแต้ม แถมลงเล่นน้อยกว่าทีมจากลอนดอน และ เรือใบสีฟ้า อีกนัด

    ขณะเดียวกัน เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็สร้างผลงานยอดเยี่ยมอีกตามเคยด้วยการเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแอสซิสต์ได้ครบ 10 หนในเกม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้

    และนี่คือ 5 เหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นในเกมล่าสุดที่ แอนฟิลด์


1. เกมที่ 350 ของ คล็อปป์
 

    นับจากเข้ามารับงานกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2015 กุนซือชาวเยอรมันก็คุมทีมดังของเมืองผู้ดีลงสนามเป็นเกมที่ 350 พอดี

    และเขาไม่พลาดที่จะพาทีมเก็บสามแต้มจาก เดอะ บีส์ ได้แม้ในครึ่งแรกออกจะกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง ก่อนมาได้ประตูลดความกดดันจาก ฟาบินโญ่ ในนาทีที่ 44

    พร้อมกันนี้ คล็อปป์ พาทีมกำชัยเป็นเกมที่ 213 และทำให้เขาคุมทีมพิชิตคู่แข่งใน พรีเมียร์ลีก ได้ครบ 30 ทีมอย่างน้อยหนึ่งเกมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่บุกไปเสมอกับ เบรนท์ฟอร์ด 3-3 ในเกมแรกของซีซั่นซึ่งเจ้าบ้านทำแสบด้วยการยิงประตูตีเสมอก่อนหมดเวลาแปดนาที

    อย่างไรก็ดี ในเกมที่ แอนฟิลด์ ทีมของ โธมัส แฟร้งค์ ไม่อาจคว้าแต้มกลับรังได้ จึงหมายความว่ายอดกุนซือด๊อยทช์เอาชนะคู่แข่งทุกรายใน พรีเมียร์ลีก ที่เขาต้องประมือด้วยได้อย่างครบถ้วน

 

2.เฮด ทู เฮด
 

    แม้ทีมน้องใหม่ของ พรีเมียร์ลีก จะทำเซอร์ไพรส์ไล่ตีเสมอแชร์แต้มไปจาก ลิเวอร์พูล ได้ในเกมแรกของซีซั่น

    แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ไม่เคยมีชัยเหนือ หงส์แดง เลยจากการฟาดแข้งกันแปดนัดหลังในทุกรายการนับตั้งแต่เปิดบ้านสยบทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ได้ 2-1 ในเกมลีกสูงสุดเมื่อเดือนพ.ย.1938

    และถ้าจะว่ากันถึงเกมที่ แอนฟิลด์ ก่อนหน้านี้ เดอะ บีส์ เคยบุกมาเยือนที่นี่รวมห้าครั้งในทุกรายการ และแพ้เรียบวุธรวมนัดล่าสุดก็เป็นนัดที่หกแล้ว หลังเคยบุกมาเฮเหนือ หงส์แดง เพียงแค่หนเดียวเมื่อเดือนพ.ย.1937 ด้วยสกอร์ 4-3

 

3.แฮปปี้เบิร์ธเดย์ มินามิโนะ
 

    ดาวเตะซามูไรมีอายุครบ 27 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 16 ม.ค. หลังลืมตาดูโลกเมื่อปี 1995

    และแม้นัดก่อนในเกม คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกนัดแรก ดาวเตะแฟนสวยจะพลาดโอกาสทองฝังเพชรจนทำให้ต้นสังกัดทำได้แค่ เสมอกับ อาร์เซน่อล สิบคนในบ้านแบบไม่มีประตู แต่มานัดนี้ มินามิโนะ ซึ่งถูกดร็อปไปเป็นตัวสำรองตามเดิมลุกจากม้านั่งข้างสนามลงไปซัดลูกปิดกล่องได้ในเวลาแค่สามนาที

    ต่อการทำประตูได้ในวันเกิด ทำให้เขาเป็นขุนพล หงส์แดง รายที่ห้าที่คลำเป้าในเกม พรีเมียร์ลีก มอบเป็นของขวัญให้กับตัวเองได้ต่อจาก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งพังประตู แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เมื่อเดือนก.ย.2013

    "เราร้องเพลงฉลองวันเกิดให้กับเขาในทุกๆภาษาของเราเมื่อวานนี้" คล็อปป์ เผยกับสื่อหลังเกม

 

4.นัดต่อไปของ ลิเวอร์พูล
 

    เกมชนะ เบรนท์ฟอร์ด 3-0 นับเป็นเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ ลิเวอร์พูล ต้องลงเล่นโดยไม่มีสองพระกาฬในแดนหน้าทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ลงสนามด้วยกันนับตั้งแต่ คิงโม ย้ายมาร่วมทีมดังของเมอร์ซีย์ไซด์ในปี 2017

    และนับตั้งแต่ซีซั่น 2017/18 เป็นต้นมา ทั้งสองช่วยกันทะลวงประตูใน พรีเมียร์ลีก ให้กับทีมคิดได้เป็น 48% ซึ่งชี้ให้เห็นว่า หงส์แดง คิดถึงสองสตาร์คู่นี้มากแค่ไหน

    และแน่นอนว่าเกมต่อไปของ เร้ด แมชีน ซึ่งจะต้องบุกไปเยือน อาร์เซน่อล ในศึก คาราบาวคัพ รอบตัดเชือกนัดสองกลางสัปดาห์นี้ อาคันตุกะก็จะยังขาดสองดาวยิงตัวอันตรายต่ออีกเกม

    ยิ่งไปกว่านั้น เดอะ กันเนอร์ส ยังได้พักแข้งพักขามากกว่าทีมของ คล็อปป์ ด้วยเนื่องจาก มิเกล อาร์เตต้า ร้องขอ พรีเมียร์ลีก ให้เลื่อนเกมลอนดอนดาร์บี้แม็ตช์บุกไปเยือน สเปอร์ส เมื่อวันเสาร์ได้สำเร็จด้วยเหตุผลมีนักเตะบาดเจ็บ และติดโควิดบานตะไท

    เป็นอย่างนี้ จึงน่าลุ้นว่าทีม ปืนใหญ่ จะอาศัยความสดที่เหนือกว่าเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้หรือเปล่า หรือพวกเขาเองที่จะแพ้ภัยเนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นถมไปที่ทีมซึ่งได้พักนานกว่าประสบกับปัญหาเครื่องเย็นจากการขาดความต่อเนื่องกระทั่งคว้าผลลัพธ์ไม่สำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น

 

5. ม้าหนึ่งตัวครึ่ง

    หลังกำราบ เชลซี ซึ่งฟอร์มหลังในลีกเป๋ไปเป๋มาได้เป็นผลสำเร็จ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือทีม แมนฯ ซิตี้ ได้ให้สัมภาษณ์เหมือนต้องการสื่อว่า สิงห์บลูส์ น่าจะหมดลุ้นแย่งแชมป์แล้ว

    แต่สำหรับ เร้ด แมชีน คล้ายกับว่ากุนซือสกินเฮดยังสงวนท่าทีเนื่องจาก หงส์แดง ลงสนามน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี สองเกม

    จนในที่สุด คล็อปป์ สามารถพาทีมคว้าชัยเหนือ เบรนท์ฟอร์ด ได้ และหาก ลิเวอร์พูล เก็บตกนัดที่เหลือได้ด้วยชัยชนะ พวกเขาก็จะลดช่องว่างตามหลังทีมจ่าฝูงเหลือ 8 แต้มอันเป็นสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า มองว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เขาจึงยังไม่คิดมองข้ามทีมจาก แอนฟิลด์ ซะเลยทีเดียว

    อย่างไรเสีย ในเกมแรกของซีซั่นนี้ที่ ลิเวอร์พูล ลงเล่นในบ้าน พวกเขาเป็นฝ่ายไล่ตีเสมอ เรือใบสีฟ้า คว้าผลเสมอ 2-2

    และจากสถิติของทั้งคู่ในระยะหลังที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องบอกว่าน่าเป็นห่วง หงส์แดง ไม่น้อยเนื่องจากพวกเขาไม่เคยบุกไปชนะ แมนฯ ซิตี้ ในลีกอีกเลยนับตั้งแต่ถล่มแหลกทีมเงินถัง 4-1 เมื่อเดือนพ.ย.2015

    อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล ไม่อาจบุกไปเสมอได้หากพวกเขาต้องการยื้อโอกาสลุ้นแย่งแชมป์ต่อ ขณะที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า สามารถมองถึงการแบ่งแต้มได้นอกเหนือจากการเผด็จศึกคู่ปรับสำคัญ

    ฉะนั้นแล้ว พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้จึงน่าจะเหลือม้าหนึ่งตัวครึ่ง (ถ้าไม่ใช่ม้าตัวเดียวอย่างที่หลายคนมั่นใจ) หากว่า เรือใบสีฟ้า ซึ่งซีซั่นก่อนโกยแต้มเป็นว่าเล่นเข้าเส้นชัยก่อนปิดซีซั่นตั้งแต่ไก่โห่โดยทิ้งห่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมร่วมเมือง 12 แต้มจะยังเกรงกริ่งพิษสงของ เครื่องจักรสีแดง อยู่เล็กๆ