͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: โบรกฯแนะ ซื้อ SPA เล็งผลงานกลับมาฟื้น  (อ่าน 71 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14930
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
CONSENSUS: โบรกฯแนะ ซื้อ SPA เล็งผลงานกลับมาฟื้นหลังเปิดเมือง-ประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น
โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) เล็งผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องหลังผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3/64 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ขณะที่รัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์ และได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ รวมไปถึงเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จึงคาดว่าปี 65 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยที่ 15.7 ล้านคน

ทั้งนี้บริษัทได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการแล้ว 80% ของสาขาที่มีทั้งหมด 65 สาขา โดยสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ยที่ 40% และตามจังหวัดท่องเที่ยวอาทิเช่น ภูเก็ต กระบี่ พัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ มีอัตราการเข้าใช้บริการมากกว่า 50% จากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ บริษัทมีการประหยัดต้นทุนมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องค่าเช่า-ค่าพนักงาน-ค่าสาธารณูปโภคที่ลดลง รวมถึงการลดเงินเดือนฝ่ายบริหารจัดการ ส่งผลให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ปรับตัวดีขึ้น

หุ้น SPA ปิดเที่ยงที่ 7.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนี SET ลบ 0.25%


          โบรกเกอร์                          คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ทิสโก้                                ซื้อ                        10.40
          หยวนต้า                              ซื้อ                        10.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็ง                    ซื้อเก็งกำไร                     8.90
          เคทีบีเอสที                            ซื้อ                         8.80
          ฟิลลิป                                ซื้อ                         8.70
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที มองว่า ผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 3/64 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่รัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์ และได้กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ รวมไปถึงเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาด้วย

ในขณะเดียวกันคาดว่าผลประกอบการใน 65 จะกลับมามีกำไรสุทธิได้จากการเปิดประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่คาดว่าอาจจะใช้เวลาถึงปี 66 ในการฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงกับช่วงของก่อนเกิดเชื้อไวรัสโควิด-19

"SPA ก่อนหน้าที่จะหันมาเน้นการรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่คือลูกค้าในประเทศซึ่งเราก็ต้องมาตามว่าเขาจะสามารถขยายฐานลูกค้าในประเทศได้มากน้อยแค่ไหน แต่ก็เชื่อว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แล้วถือว่าเป็นหุ้นในธีมเปิดเมืองที่น่าสนใจ"นายมงคล กล่าว
ด้านบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บริษัทได้เริ่มกลับมาเปิดให้บริการแล้ว 80% ของสาขาที่มีทั้งหมด 65 สาขา โดยสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าใช้บริการเฉลี่ยที่ 40% และตามจังหวัดท่องเที่ยวอาทเช่น ภูเก็ต กระบี่ พัทยา หัวหิน และเชียงใหม่ มีอัตราการเข้าใช้บริการมากกว่า 50% จากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมามีเครื่องบินเช่าเหมาลำจากยุโรปเข้ามาเป็นครั้งแรกหลังจากเปิดประเทศถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีทำให้นักท่องเที่ยวในภูเก็ตกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ขณะที่ช่วงไตรมาส 4/64 นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจจะชะลอกการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลท่องเที่ยว และมีช่วงวันหยุดระยะยาว

ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า SPA มีการประหยัดต้นทุนมากยิ่งขึ้นจากส่วนลดค่าเช่าที่เปลี่ยนเป็น GP (การคิดค่าเช่าที่ผันแปรตามกำไรขั้นต้น) แทนค่าเช่าคงที่ ค่าพนักงานและค่าสาธารณูปโภคที่ลดลง และการลดเงินเดือนฝ่ายบริหารจัดการ ส่งผลให้กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ปรับตัวดีขึ้น

โดย SPA ได้วางกลยุทธ์การเน้นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศมากยิ่งขึ้น และคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยที่ 15.7 ล้านคน