ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(18ส.ค.)ร่วงลง 382 จุด หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ค. ที่บ่งชี้ว่า
เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการลดระดับกระตุ้นเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลง 382.59 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 34,960.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 47.81 จุด หรือ 1.07% ปิดที่ 4,400.27 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 130.27 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 14,525.91 จุด
รายงานมินิทส์ของเฟดระบุถึงกรอบเวลาลดระดับโครงการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนซึ่งในรายงานจากที่ประชุมหนล่าสุดบ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะผ่อนคลายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี่นี้ หากว่าเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวตามความคาดหมาย
ขณะเดียวกันรายงานฉบับนี้ก็เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน แสดงความกังวลว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา อาจเตะถ่วงการกลับมาเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ และตลาดแรงงานคือสิ่งสำคัญที่สุดในความคิดของเฟด
ราคาหุ้นของบริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ พุ่งขึ้นในวันนี้ หลังเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาส 2 แต่ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง แม้บริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้สูงกว่าคาด
ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท
ทั้งนี้ เฟดจะจัดการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่ารายงานของเฟดในวันนี้ และการประชุมประจำปีของเฟดในปลายเดือนนี้ จะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินคิวอี
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เฟดควรทำการประกาศในเดือนหน้าเกี่ยวกับไทม์ไลน์ในการปรับลดวงเงินคิวอีและเริ่มทำการปรับลดคิวอีในเดือนต.ค.
ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรตามมาตรการคิวอีอย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (เอ็มบีเอส) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ นายแคปแลนระบุว่า เขาต้องการให้การปรับลดคิวอีดำเนินไปโดยใช้เวลาราว 8 เดือน ซึ่งหากเฟดยิ่งเริ่มปรับลดคิวอีได้เร็วเท่าใด ก็จะยิ่งช่วยให้เฟดมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
คำกล่าวของนายแคปแลนสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ที่ได้ส่งสัญญาณว่า เฟดจะปรับลดวงเงินคิวอี ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
“ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด” นายแคลริดากล่าว
“หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้” เขากล่าว
ด้านนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด กล่าวเช่นกันว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงินคิวอีภายในเดือนต.ค.