วันที่ 27 มี.ค ที่โรงแรมแกรนด์สุพิชฌาย์ภูเก็ต ถนนนริศร ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งใช้เป็นศูนย์คัดกรองผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง (PUI center) เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตได้เริ่มเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเฝ้าระวังต้องสงสัยติดเชื้อ
โควิด -19จากโรงพยาบาลมากักตัวรอผลตรวจที่โรงแรมฯ ก่อนกลับที่พักอาศัยหากไม่แสดงอาการ เพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาล และควบคุมสถานการณ์ในจ.ภูเก็ต ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีนายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผวจ.ภูเก็ต บุคลากรทางการแพทย์และพนักงานโรงแรม มาคอยอำนวยความสะดวก
แต่ปรากฎว่า ขณะที่มีการนำส่งผู้ป่วยอยู่นั้น มีผู้ป่วยชายซึ่งเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังที่รอผลตรวจเชื้อโควิด เกิดอาการเครียดเดินออกมาจากห้องกักตัวภายในโรงแรมท่ามกลางความตกใจของเจ้าหน้าที่ ทำให้รองผวจ.ภูเก็ต ซึ่งคอยอำนวยความสะดวกอยู่ในขณะนั้น ต้องประสานขอกำลังตำรวจ สภ.เมืองภูเก็ต มาช่วยกันตัวผู้ป่วยไม่ให้เดินออกไปยังแหล่งชุมชน โดยเจ้าหน้าที่ได้กั้นพื้นที่ให้ผู้ป่วยอยู่ในวงจำกัด ขณะที่ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินห่างมาจุดจุดกักตัวประมาณ 200 เมตร และยืนสูบบุหรี่ด้วยอาการและสีหน้าเคร่งเครียด
เครียดโดนกักตัวโควิด
ต่อมา นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณะสุขจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันเข้าเจรจาพูดคุยอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง จนทำให้ผู้ป่วยชายรายนี้เริ่มหายเครียดยอมเดินกลับเข้าโรงแรม เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวและรอผลตรวจเชื้อโควิด-19 อีกครั้ง
เครียดโดนกักตัวโควิด
สำหรับโรงแรมกรนด์สุพิชฌาย์ภูเก็ต ซึ่งใช้เป็นศูนย์คัดกรองผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง (PUI center) ได้มีการปรับปรุงห้องโดยติดตั้งมุ้งลวดเพื่อป้องกันยุงและแมลงต่างๆ ตลอดจนการตั้งเตียงนอน ถังขยะและอื่นๆซึ่งในห้องจะไม่มีการเปิดแอร์และสิ่งที่เก็บเชื้อไว้ได้นานเช่นตู้เย็น ซึ่งทางโรงแรมได้เอาออกไปจากห้องพักตลอดจนถึงสิ่งอื่นๆที่สามารถติดเชื้อได้ พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อในทุกจุดเพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ โรงแรมแห่งนี้มีห้องพักรวม 78 ห้อง
" แบ่งให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้พัก 8 ห้อง ส่วนอีก 70 ห้องใช้ในการรองรับผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังได้ทั้งหมด 70 คน ซึ่งศูนย์นี้ใช้เป็นสถานที่กักตัวผู้ป่วยช่วงรอผลตรวจ หากผลตรวจรายใดพบเชื้อจะส่งตัวไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ส่วนผู้ที่ไม่พบเชื้อจะให้กลับไปกักตัวที่บ้านจนครบ 14 วัน "