͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าคนเบื้องหลัง ปฏิบัติการพาคนออสซี่และชาวไทยหนีโควิด-19 กลับบ้าน  (อ่าน 367 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15570
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
เผยเบื้องหลังการประสานงาน นำไปสู่เที่ยวบินพิเศษของการบินไทย ที่พาชาวออสเตรเลียที่ตกค้างในไทย และคนไทยในออสเตรเลีย ฝ่าล็อกดาวน์ เหินฟ้ากลับสู่มาตุภูมิ ภายใต้การดูแลป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวด

จากวิกฤติการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทั่วโลก รัฐบาลหลายประเทศได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ ปิดชายแดนทั้งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ อย่างเร่งด่วน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ส่งผลให้ผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยว นักเรียน นักธุรกิจ ที่ต้องการเดินทางกลับภูมิลำเนา ตกค้างในประเทศต่างๆ จำนวนมาก เนื่องจากการประกาศหยุดบินชั่วคราวของสายการบินต่างๆ ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประกาศปิดน่านฟ้าตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.63 ที่ผ่านมา ทำให้มีชาวออสเตรเลีย ตกค้างในประเทศไทยหลายร้อยคน



ประกอบกับมีคนไทยในออสเตรเลีย มีความประสงค์ที่จะกลับมายังประเทศไทย จึงเกิคความร่วมมือในการจัดเที่ยวบินพิเศษของบริษัทการบินไทย เที่ยวบิน TG475 ออกเดินทางจากประเทศไทย วันที่ 25 เมษายน และ เที่ยวบิน TG476 ออกจากออสเตรเลียวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา โดยสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยรับลงทะเบียนผู้ที่ตกค้างในประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา พร้อมทั้ง สถานกงสุลใหญ่ ณ นครซิดนีย์ รับลงทะเบียนผู้ที่ต้องการกลับจากออสเตรเลีย


นายจักรกฤติ กระจายงวงศ์ กงสุลใหญ่ ณ นคร ซิดนีย์ เปิดเผยว่า ที่ออสเตรเลียมีคนไทยอาศัยอยู่เกือบ 70,000 คน ตามฐานข้อมูล แต่ความจริงมีมากกว่านั้น ปฏิบัติการพาคนไทยกลับบ้านในครั้งนี้ เป็นภารกิจที่ไม่ง่าย มีการเตรียมการนานมาก โดยมี นางนันทนา ศิวะเกื้อ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เป็นผู้นำในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย และ การบินไทย ทั้งนี้จากข้อกำหนดจำนวนผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ ไม่เกิน 200 คนต่อวัน เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ


กงสุลใหญ่ ณ นคร ซิดนีย์ กล่าวต่อว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่ จึงต้องสำรวจผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนจากทั่วประเทศ หลังจากนั้น จึงประสานให้ออกใบรับรองการตรวจสุขภาพ หรือ Fit to fly พร้อมทั้งออกใบรับรองในการกลับประเทศเพื่อใช้เป็นเอกสารประกอบการเดินทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ทำงานแข่งกับเวลาโดยไม่มีวันหยุดเพื่อให้ทันกับวันเดินทาง และเมื่อถึงวันเดินทาง ท่านเอกอัครราชทูตไทย และทางสถานกงสุลใหญ่ ก็ได้เดินทางมาดูแลส่งผู้โดยสารด้วยตนเองที่สนามบิน พร้อมมอบถุงของใช้จำเป็นที่บรรจุ ของว่าง เจลล้างมือ และหน้ากากอนามัย ให้ผู้โดยสารทุกคน


ด้าน นายเสริญ ชูพิกุลชัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงาน ออสเตรเลีย กล่าวว่า เนื่องจากการบินไทยได้ประกาศหยุดบินมายังออสเตรเลียชั่วคราว ทำให้เรื่องทุกอย่างต้องเริ่มจากศูนย์ตั้งแต่
การขออนุญาตทำการบิน การจัดหาครื่องบินโดยสารที่จะบินมารับ วางแผนการบริการ และการดูแลผู้โดยสาร ตลอดจนการจัดการที่นั่งบนเครื่อง ตามกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และต้องประสานไปยังท่าอากาศยาน Sydney Kingford Smith เพื่อให้จัดเจ้าหน้าที่มาดูแล เพราะปัจจุบันในสนามบินมีแต่เที่ยวบินพิเศษ และเที่ยวบินขนส่งสินค้า หรือ คาร์โกเท่านั้น

ผู้จัดการทั่วไป การบินไทย สำนักงานออสเตรเลีย กล่าวอีกว่า เนื่องจากเที่ยวบินนี้เป็นเป็นการบริการแบบเช่าเหมาลำ ทางการบินไทยสำนักงานใหญ่ ก็ได้ให้นโยบายในการเสนอตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาพิเศษ เพื่อแบ่งเบาภาระผู้ที่ต้องการเดินทางในสถานการณ์นี้ โดยการบินไทยได้สร้างบัญชีขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ผู้โดยสารโอนเงินมาชำระค่าบัตรโดยสารได้สะดวก เพราะไม่สามารถเดินทางมายังสำนักงานขายได้


ขณะที่ น.ต.อนิรุต แสงฤทธิ์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการบิน การบินไทย กล่าวถึงเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางว่า ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กำหนดให้บนเครื่องบินมี Clean Area, Buffer Zone และ Quarantine Area เพื่อเป็นการรักษาระยะห่างระหว่างผู้ปฏิบัติงานกับผู้โดยสาร โดยการบินไทยก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังได้ให้เจ้าหน้าภาคพื้น จัดระเบียบให้ผู้โดยสารเข้าคิวเช็คอินห่าง 2 เมตร รวมถึงการเชิญผู้โดยสารขึ้นเครื่องบิน ครั้งละไม่เกิน 10 คน ตามมาตรการ Social Distancing เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสารอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการมอบ Face Shield ที่จัดทำโดยพนักงานจิตอาสาเพื่อมอบให้ผู้โดยสารเพื่อนำไปใช้หากต้องการ


ส่วน นายสุธีรัชต์ ศิริพลานนท์ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน การบินไทย กล่าวถึงการบริการบนเที่ยวบินว่า การบริการบนเที่ยวบินพิเศษนี้ ก็แตกต่างจากเที่ยวบินปกติ เพื่อลดการสัมผัสระหว่างพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินกับผู้โดยสาร ลูกเรือบนเที่ยวบินนี้จะใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างเต็มที่ ทั้งชุด PPE หน้าการอนามัย Face Shield และสวมถุงมือตลอดเวลา ส่วนการบริการอาหารที่เสิร์ฟจะเป็นอาหารร้อนที่ใส่ในภาชนะแบบใช้แล้วทิ้ง นอกจากนี้ก่อนขึ้นเครื่องบิน ผู้โดยสารจะได้รับ "THAI sky pack" โดยในถุงจะมีของใช้จำเป็นเช่น น้ำดื่ม หน้ากากอนามัย ถุงมือ กระดาษแอลกอฮอล์ แซนด์วิช แครกเกอร์ ให้ใช้ระหว่างเที่ยวบิน



นายชนาวัชร์ ส่งศิริ และนางสาวภัทราพร พีระสันติธรรม ลูกเรือที่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจิตอาสา ขึ้นไปให้บริการบนเที่ยวบินพิเศษ กล่าวว่า พวกเรามีความมั่นใจในมาตรการป้องกัน และถึงแม้ว่ากลับมาจะต้องกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน แต่พวกเราก็เต็มใจอาสาขอเป็นส่วนหนึ่งในการไปรับคนไทยกลับบ้าน

ส่วน นายอัลแลน แมคคินนอน เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า เที่ยวบินพิเศษนี้มีความยุ่งยากพอสมควร ทั้งด้านเอกสารการเดินทาง และการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ด้วยความร่วมมือของ รัฐบาลไทย กระทรวงการต่างประเทศของไทย และ สายการบินไทย ทำให้สามารถนำชาวออสเตรเลียน และชาวไทยกลับบ้านได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวออสเตรเลียนบางส่วน ที่ยังสมัครใจจะอยู่ประเทศไทยต่อ และทางรัฐบาลไทยก็ได้ต่ออายุวีซ่าไปจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 โดยเป็นเรื่องที่สมเหตุผล ทั้งนี้เมื่อผู้โดยสารกลับถึงออสเตรเลีย ก็ต้องถูกนำไปกันตัวในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด เช่นเดียวกับมาตรการในประเทศไทย สุดท้ายนี้ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนกับปฏิบัตการในครั้งนี้


ทั้งนี้ผู้โดยสารไทยที่เดินทางมากับเที่ยวบินพิเศษของการบินไทยทุกเที่ยวบิน เมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิ กรอกฟอร์ม T8 และต้องยินยอมให้กักตัว 14 วัน ในพื้นที่ที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งเป็นไปตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนคนไทยในออสเตรเลียที่ยังประสงค์จะกลับประเทศไทย สถานเอกอัครราชทูตฯ และสถานกงสุลใหญ่จะดำเนินการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและออสเตรเลีย เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป.