͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ตู้คอนโทรลกระแสไฟฟ้า ทำหน้าที่อะไร  (อ่าน 76 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ hs8jai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12750
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ตู้คอนโทรลไฟ เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีความหมายอย่างมากมาย เพราะว่าใช้เป็นตัวคอนโทรลไฟฟ้าทั้งระบบ หรือเครื่องจักรกลต่างต่างๆซึ่งปฏิบัติภารกิจคุมไฟฟ้านั่นเอง ตู้คอนโทรลไฟ ไปยังส่วนต่างๆของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆมีหลายแบบ ลูกค้าสามารถประกอบตู้คอนโทรล เอาไว้ภายในงานต่างๆที่ต้องการได้ อย่างเช่น การคอนโทรลมอเตอร์ ควบคุมปั๊มน้ำ รวมทั้งยังประกอบตู้สำหรับใช้คอนโทรลเครื่องจักร ซึ่งแบ่งตู้ได้ตามลักษณะของการนำไปใช้งาน แล้วก็ตามขนาด ตู้คอนโทรลไฟ ที่ใช้ในงานซึ่งมีหน้าที่ต่างกันออกไป ดังนี้
  • ตู้สวิทซ์บอร์ด หรือ ตู้ MDB (Main Distribution Board) ตู้ MDB เป็นตู้ควบคุมระบบกระแสไฟฟ้าหลัก รูปแบบการทำงานของตู้ MDBคือการรับไฟที่ส่งมาจากการไฟฟ้าหรือ ต้านทานเเรงดันต่ำของหม้อเเปลงไฟฟ้าเเล้วก็เลยจ่ายโหลดไปยังส่วนต่างๆของอาคาร เเละมี Main Circuit Breaker รอเป็นตัวตัดต่อวงจรไฟฟ้าทั้งหมดมีเเผงจ่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยทั่วไปใช้กันในตึกที่มีขนาดกลางขึ้นไป รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไฟในปริมาณมาก
  • ตู้เเผงควบคุมกระแสไฟฟ้ารอง หรือ SDB,DB (Sub Distribution Board) ตู้ควบคุมไฟฟ้ารอง จ่ายกระเเสกระแสไฟฟ้าไปตามตู้ PB. (Panel board) หรือ Load Center หลายๆตู้ขึ้นกับขนาดของอาคารลักษณะซึ่งคล้ายกับ ตู้สวิทซ์บอร์ดเเต่มีขนาดเเละพิกัดของตู้เล็กกว่า เเละเครื่องมือทางไฟฟ้าข้างในก็ลดหลั่นลงมา
  • ตู้ MCC (Motor Control Center) หมายถึง ตู้เเบบวางพื้นที่ประกอบไปด้วยตู้เเนวตั้งเเละเป็นที่รวมของชุดควบคุมมอเตอร์ โดยชุดควบคุมมอเตอร์จะติดตั้งเหนือชุดควบคุมมอเตอร์อื่นๆในเเนวตั้งเเละชุดควบคุมมอเตอร์กลุ่มนี้จะมีบัสในเเนวตั้งที่ต่อเข้ากับบัสกำลังในเเนวนอน
  • ตู้ PFC (Power-factor-Correction) ในระบบกระแสไฟฟ้ากำลังการปรับปรุงแก้ไขค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าเป็นตัวที่ทำให้ค่าใช้สอยต่างๆเพิ่มขึ้นหรือลดน้อยลงได้ ระบบกระแสไฟฟ้าที่มีค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ต่ำจะมีการสิ้นไปในระบบมาก ด้วยเหตุผลดังกล่าว อุปกรณ์ที่นำมาใช้งานจำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้รายจ่ายในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มขึ้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าวการปรับแต่งค่าเพาเวอร์เเฟคเตอร์ให้มีค่าสูงมากขึ้นจึงมีความสำคัญต่ออาคารสำนักงานเเละโรงงานอุตสาหกรรมนั้นๆความเป็นจริงในตึกหรือโรงงานอุตสาหกรรมต้องการพลังงานไฟฟ้าจริง (Real Power) เเละกำลังไฟฟ้า รีเเอคทีฟ (Reactive - Power) เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน