͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ราว 123.18 ล้านหุ้น-เข้า mai ใช้ขยายธุรกิจ  (อ่าน 74 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13350
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

บมจ.เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี (DEXON) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 123,183,200 หุ้น คิดเป็น 25.85% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท/หุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเนเธอแลนด์(ทวีปยุโรป) รวมถึงสหรัฐอเมริกา รวมราว 120 ล้านบาท, ลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา ราว 60 ล้านบาท โดยจะลงทุนในอุปกรณ์อัตโนมัติและหุ่นยนต์สำหรับผลิต ทรานสดิวเซอร์ (Transducer) และ ตัวเชื่อมต่อทนแรงดันสูงใต้ทะเล (Subsea high pressure connectors) , ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ราว 110 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ

DEXON เป็นผู้ให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมและสร้างนวัตกรรมทางเทคโนโลยีสำหรับตรวจสอบโครงสร้างและอุปกรณ์การผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม พลังงาน และอื่น ๆ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่อุตสาหกรรมด้านพลังงาน ปิโตรเคมี ตลอดจนอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ ซึ่งการให้บริการเป็นกระบวนการที่มีการวางแผนเพื่อความปลอดภัยโดยยังคงรักษาคุณสมบัติของตัวทรัพย์สินและความต่อเนื่องของการทำงาน โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่หลากหลายตามลักษณะของงาน

การให้บริการแบ่งตามโครงสร้างรายได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) บริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advance Inspection Technology) 2) บริการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีขั้นพื้นฐาน (Conventional Inspection Technology) 3) บริการฝึกอบรมด้านการตรวจสอบ (Training Services) และ 4) การให้บริการออกแบบทางด้านวิศวกรรม ประกอบ ติดตั้งและซ่อมบำรุง (Engineering design, Assambly, Installation and Maintenance Service)

กลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเลียม เช่น ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กลุ่มอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง และโรงไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากทั้งในและต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย (ปี 2562 - ปี2564) อยู่ที่ประมาณร้อยละ 65 และร้อยละ 35 ของรายได้จากการขายและบริการรวม

บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยดังต่อไปนี้

1. บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี พีทีอี ลิมิเต็ด (DTS) ให้บริการลูกค้าในประเทศสิงคโปร์และประเทศข้างเคียง

2. บริษัท เด็กซ์ซอน เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด (DTC) ให้บริการการฝึกอมรบเพื่อส่งเสริมและยกระดับความรู้ความสามารถแก่บุคลากรทั้งภายในและภายนอกบริษัท โดยหลักสูตรการฝึกอบรมครอบคลุมทั้งทักษะทางเทคนิค (Technical Skill) และ ทักษะทางสังคม (Soft Skill)

3. บริษัท เด็กซ์ซอน เมคคานิคอล โซลูชั่นส์ จำกัด (DMS) ให้บริการงานออกแบบทางวิศวกรรม งานประกอบ งานโครงสร้าง รวมทั้งงานให้บริการบุคลากรทางด้านเครื่องกลและซ่อมบำรุง ทั้งในส่วนงานท่อและโครงสร้าง ในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ปิโตรเคมี และอื่น ๆ

4. บริษัท ดาคอน ยุโรป บีวี (DEBV) จัดตั้งในเนเธอร์แลนด์ เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมลูกค้าในทวีปยุโรป และอเมริกา

DEXON มีเป้าหมายที่จะมุ่งสู่การเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบเฉพาะทางขั้นสูงแก่อุตสาหกรรมชั้นนำระดับนานาชาติแบบครบวงจร จึงขยายขอบเขตและความสามารถ การให้บริการอย่างต่อเนื่องไปทุกภูมิภาคของโลก (Global Reach) ด้วยพนักงานกว่า 340 คนหลากหลายเชื้อชาติ เพื่อรองรับความพร้อมของการบริการลูกค้าในประเทศต่าง ๆ

บริษัทเล็งเห็นโอกาสในธุรกิจให้บริการการตรวจสอบท่อโดยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Pigging Technology)ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กระบบท่อนำส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีสูงที่บริษัทพัฒนาขึ้น (Hawk Pipeline Crack detection and measurement system) กับบริษัทผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ คือ ExxonMobil USA ตั้งแต่ปี 59 และได้นำไปใช้ในงานในประเทศแคนาดาในปี 65 นอกจากนี้บริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยีการตรวจสอบท่อความร้อนและเตาหลอม (Heater Tube and Furnace) สำหรับโรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน และโรงงานปิโตรเคมี ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยตามรอบทุก ๆ 6-18 เดือน

บริษัทมีแผนขยายกิจการไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เงินจากการขายหุ้น IPO เพื่อขยายธุรกิจของ DEBV ไปยังประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรปที่สามารถรับประโยชน์ทางภาษีตามที่กำหนดไว้ในสัญญาว่าด้วยการเก็บภาษีซ้ำซ้อน (Double Tax Treaty) ภายในปี 67 และจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในสหรัฐที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีปริมาณท่อนำส่ง (Pipeline) ที่จะต้องได้รับการตรวจสอบจำนวนมหาศาลภายในปี 67

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ได้แก่ นางสาวกอบแก้ว เคราแก้ว ถือหุ้น 173,126,400 หุ้น หรือคิดเป็น 49% ภายหลังการเสนอขาย IPOจะลดสัดส่วนลงเหลือ 36.33% บริษัท ดาคอน อินดัสเตรียล อินสเป็คชั่น (สิงคโปร์) พีทีอี ลิมิเต็ด 119,244,000 หุ้น หรือคิดเป็น 33.75% จะลดสัดส่วนเหลือ 25.02% และ นางมัลลิกา แก่กล้า 35,331,600 หุ้น หรือคิดเป็น 10.00% จะลดสัดส่วนเหลือ 7.41%

อนึ่ง บริษัท ดาคอน อินดัสเตรียล อินสเป็คชั่น (สิงคโปร์) พีทีอี ลิมิเต็ด ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และไม่ได้ประกอบธุรกิจอื่นนอกจากการลงทุนใน DEXON ตั้งอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ มีทุนจดทะเบียน 16,909 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถือหุ้นโดยชาวนอร์เวย์ 3 ราย คือ นายสเตเนิธ์ท ไทรเกฟ ธอร์มอด (เป็นกรรมการของบริษัทและบริษัทย่อย), Mr. Borre Reksten และ Mr. Borre Aleksander Borretzen

ผลประกอบการช่วงปี 62-64 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและบริการ 574.54 ล้านบาท 438.98 ล้านบาท และ 433.47 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิเท่ากับ 41.52 ล้านบาท 11.04 ล้านบาท และ 18.15 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับงวด 6 เดือนปี 65 รายได้จากการขายและบริการ 259.89 ล้านบาท เติบโต 50.46% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากรายได้จากการให้บริการตรวจสอบโดยไม่ทำลายขั้นสูงเพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก และต้นทุนการว่าจ้างผู้รับเหมาลดลง จึงส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก ติดลบ 13.68% ในงวด 6 เดือนปี 64 มาเป็น 16.05% ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 41.99 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 24.36 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ณ วันที่ 30 มิ.ย.65 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 568 ล้านบาท หนี้สินรวม 458.62 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 109.38 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมาย