͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เกรียงไกร เคลียร์ข้อกล่าวหาขายหุ้น A5 ทำราคาดิ่ง ยันหุ้นที่เหลือไม่ขายผ่านตลาด  (อ่าน 17 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12401
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
เกรียงไกร เคลียร์ข้อกล่าวหาขายหุ้น A5 ทำราคาดิ่ง ยันหุ้นที่เหลือไม่ขายผ่านตลาด

นายเกรียงไกร ศิระวณิชการ อดีตประธานกรรมการ บมจ.แอสเซทไฟว์ กรุ๊ป (A5) เปิดแถลงชี้แจงกระแสข่าวว่าราคาหุ้น A5 ร่วงลงเพราะการขายหุ้นของตนเองว่า ได้ขายหุ้น A5 จำนวน 35 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.65 บาท หรือคิดเป็น 2.8994% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทที่ 1,209 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 7 มี.ค.65 ซึ่งเป็นวันแรกที่ A5 กลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะที่วันซื้อขายวันแรกมีการเทรดหุ้น A5 จำนวน 1,024 ล้านหุ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าการขายหุ้นของตนเองไม่ใช่สาเหตุให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังคงถือหุ้น A5 อยู่ถึง 270 ล้านหุ้น คิดเป็น 22% โดยจำนวนนี้ติดไซเรนท์พีเรียด 6 เดือน จำนวน 77 ล้านหุ้น โดยหุ้น A5 ในมือเป็นหุ้นที่ได้ถือมาระยะเวลากว่า 4 ปีแล้ว หรือตั้งแต่ปี 60 ซึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการเมื่อครั้งยังใช้ชื่อเป็น บมจ.อาดามัส อินคอร์ปอเรชั่น (ADAM) ที่เข้าไปฟื้นฟูนำสินทรัพย์ดีเข้าไปแก้ไขปัญหาจนได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ฯกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง

ทั้งนี้ นายเกรียงไกร กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขายหุ้น A5 ที่เหลือออกเมื่อใด โดยจะขึ้นกับจังหวะและโอกาส รวมทั้งนักลงทุนที่ต้องการซื้อ แต่ยืนยันว่าจะไม่ขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ โดยจะขายตรงให้กับนักลงทุนที่ต้องการซื้อ และราคาขายหุ้นขึ้นกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท จึงยังตอบไม่ได้ว่าทิศทางราคาหุ้นเป็นอย่างไร

"หุ้นที่ขายไป เป็นราคาหุ้นสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสม เราก็มีสิทธิที่จะขายได้ และหุ้นที่ขายไปก็ลงทุนมากว่า 4 ปีแล้ว...หุ้นที่เหลืออยู่ ผมยังไม่ตัดสินใจ ถ้ามีคนสนใจก็จะขายออก คาดว่าจะขายตรงกับคนที่สนใจ ...ยังไม่ขายเร็วๆนี้ เดือน มี.ค.นี้ก็ยังไม่ขายออก"
นายเกรียงไกร ยังกล่าวว่า ส่วนสาเหตุที่ลาออกจากประธานกรรมการ A5 เพราะเห็นว่าถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) ซึ่งซื้อไว้เมื่อเดือน ม.ค.65 ซึ่งได้เข้ามาฟื้นฟูกิจการของ KOOL หลังมีผลขาดทุนต่อเนื่องทุกปี จากเดิมที่มีส่วนของผู้ถือหุ้นกว่า 100 ล้านบาท จนวันนี้มีส่วนผู้ถือหุ้น 1,600 ล้านบาทแล้ว จึงคาดว่า KOOL จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา

และเห็นว่าธุรกิจทั้ง A5 และ KOOL อาจมีบางส่วนที่แข่งขันกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ จึงได้ลาออกเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และยืนยันว่าไม่มีใครกดดันให้ลาออก ทั้งนี้ ตนเองได้พูดคุยกับเหตุการณ์ต่างๆ กับนายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร A5 แล้ว

ทั้งนี้ วันที่ 7 มี.ค.ที่ A5 กลับมาเทรด เปิดตลาด 9.00 บาท และปิดที่ 2.22 บาท และราคาทรงตัว จนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ราคาปรับตัวลงมาที่ 1.98 บาท ลดลง 0.12 บาท (-5.71%) และเช้าวันนี้ราคายังทรงตัวที่ 1.98 บาท