͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 14, 2022   (อ่าน 16 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ dsmol19

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16170
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้ 14, 2022 

จับตาทิศทางตลาดหุ้นเอเชียในวันนี้ ล่าสุดตลาดส่วนใหญ่เปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในฮ่องกง

-- ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 94 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า หากรัสเซียบุกโจมตียูเครน จะส่งผลให้นานาประเทศประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก

ณ เวลา 06.50 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.22% แตะที่ 94.24 ดอลลาร์/บาร์เรล

-- นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เตือนให้ชาวอเมริกันออกจากประเทศยูเครนทันที พร้อมกับคาดการณ์ถึงเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นหากรัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน

"หากรัสเซียนำกำลังทหารบุกยูเครน ก็คาดว่ารัสเซียจะเริ่มระดมยิงมิสไซล์และโจมตีด้วยระเบิดจำนวนมาก จากนั้นกองกำลังภาคพื้นดินจะบุกเข้าโจมตีตามแนวชายแดนยูเครน ซึ่งจะทำให้พลเรือนจำนวนมากตกอยู่ท่ามกลางดงกระสุน" นายซัลลิแวนกล่าวกล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "สเตต ออฟ เดอะ ยูเนียน" (State of the Union) ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.)

นายซัลวิแวนเปิดเผยว่า ตลอด 10 วันที่ผ่านมารัสเซียได้เร่งซ่องสุมกำลังทหารตามแนวชายแดนยูเครนมากผิดธรรมดา และอาจจะ "เปิดฉากการรบทันทีทันใด"

-- กระทรวงการคลังสหรัฐประกาศว่า จะยกเว้นนักขุดเหมืองบิตคอยน์และผู้ถือบิตคอยน์จากข้อกำหนดที่ให้โบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลต้องรายงานข้อมูลธุรกรรมของลูกค้าต่อกรมสรรพากรสหรัฐ (IRS)

การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของภาคธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซี หลังจากเมื่อปีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้ลงนามในกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหากำหนดให้โบรกเกอร์หรือแพลตฟอร์มที่ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลต้องรายงานต่อ IRS เกี่ยวกับการทำธุรกรรมใดๆของลูกค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 10,000 ดอลลาร์

-- สำนักบริหารเวชภัณฑ์แห่งชาติจีนให้การอนุมัติแบบมีเงื่อนไข สำหรับการนำเข้าแพกซ์โลวิด (Paxlovid) ยาเม็ดรักษาโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์

ยาเม็ดดังกล่าวเป็นยารับประทานโมเลกุลเล็ก ซึ่งประกอบด้วยยาต้านไวรัสสองตัว ได้แก่ เนอร์มาเทรลเวียร์ (nirmatrelvir) และริโทนาเวียร์ (ritonavir) สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 วัยผู้ใหญ่ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง และผู้มีความเสี่ยงสูงจะป่วยหนักขึ้น

-- สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติในวันศุกร์ (11 ก.พ.) ให้ใช้ยาต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) กับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยรุนแรง ซึ่งนับเป็นยาอีกตัวหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า FDA ได้อนุมัติใช้ยาเบ็บเทโลวิแมบ (Bebtelovimab) ของอิไล ลิลลี่ เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการน้อยถึงปานกลางซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคร้ายแรงตามมา รวมถึงการเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต

FDA ระบุว่า ควรใช้ยา Bebtelovimab เมื่อไม่สามารถเข้าถึงหรือไม่มีความเหมาะสมทางคลินิกที่จะใช้ทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งได้รับอนุมัติจาก FDA ในการรักษาโรคโควิด-19

-- เว็บไซต์เวียดนามเน็ต.วีเอ็น (vietnamnet.vn) รายงานเมื่อวันศุกร์ (11 ก.พ.) ว่า บริษัททริปเปิลเอ (Triple A) ซึ่งเป็นบริษัทด้านการชำระเงินคริปโทเคอร์เรนซีเปิดเผยข้อมูลระบุว่า ชาวเวียดนามประมาณ 6 ล้านคนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 6% ของประชากร

ทั้งนี้ ทริปเปิลเอจัดเวียดนามอยู่ที่อันดับ 9 ของประเทศที่มีเปอร์เซ็นต์ผู้ถือครองคริปโทฯ มากที่สุดในโลกในปี 2564 โดยอันดับหนึ่งได้แก่ยูเครน ขณะที่ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 11 โดยมีประชาชน 5.20% ถือครองคริปโทฯ

ด้านไชน่าไลซิส (Chainalysis) บริษัทวิเคราะห์เปิดเผยข้อมูลว่า นักลงทุนรายย่อยใช้เงินคริปโทฯ พุ่งขึ้น 881% ในปี 2564 โดยเวียดนาม, อินเดีย, ปากีสถาน และยูเครน ติดอันดับต้น ๆ ในรายชื่อประเทศที่ใช้เงินคริปโทฯ มากที่สุด

-- จับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยอินโดนีเซียเตรียมเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และจีนเปิดเผยยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) เดือนม.ค.

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 ขณะที่อียูเปิดเผย GDP ไตรมาส 4/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ทางด้านสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Man.cturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.