แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมดังของอังกฤษหนีไม่พ้นครองแชมป์จ่ายตลาดได้อย่างเลวร้ายที่สุดในบรรดาสโมสรจากห้าลีกใหญ่ของยุโรปในรอบสิบปีที่ผ่านมาหลังถูกแฉว่าผลาญเงินแบบไร้ประโยชน์จนบัญชีมีอันต้องขาดดุลย์ป่นปี้
หน่วยสังเกตุการณ์ฟุต. (CIES) สถาบันสำรวจข้อมูลของสวิตเซอร์แลนด์ได้ตีแผ่ออกมาเมื่อ 7 ก.พ.ว่านับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา ปีศาจแดง ใช้เงินซื้อนักเตะเกินกว่าพันล้านยูโร ( 1.545 พันล้านยูโร) ซึ่งสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งจากห้าลีกใหญ่ของยุโรปโดยมี แมนฯ ซิตี้ ทีมร่วมเมืองตามมาเป็นอันดับสอง
ขณะเดียวกัน ทีมจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด ขายนักเตะถอนทุนคืนมาได้แค่ 470 ล้านยูโรเท่านั้นซึ่งทำให้พวกเขาครองแชมป์ในด้านการใช้จ่ายแบบติดลบเมื่อคำนวณจากตัวเลขตลอดสิบปีที่ผ่านมาซึ่งในประเด็นนี้มีทีมจาก พรีเมียร์ลีก ติดอันดับท๊อปทเวนตี้มากถึง 14 สโมสร
มีการแจกแจงรายละเอียดให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เคยทุ่มเงินเป็นสถิติของ พรีเมียร์ลีก 89.5 ล้านปอนด์คว้า ปอล ป็อกบา มาร่วมทีมเมื่อปี 2016 แต่กำลังจะเสียกองกลางทีมชาติฝรั่งเศสในซัมเมอร์นี้โดยไม่ได้เงินตอบแทนกลับมาเนื่องจากเขากำลังจะหมดสัญญา และไม่มีท่าทีว่าจะค้าแข้งกับสโมสรต่อไป
พร้อมกันนี้ ผีแดง ลงทุนคว้า อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล มาเสริมทัพในราคา 36 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2015 รวมถึง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค ที่ย้ายมาในปี 2020 ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ แต่ไม่อาจใช้งานทั้งสองได้อย่างคุ้มค่ามากพอ และปล่อยออกไปแบบยืมตัวทั้งคู่เมื่อเดือนก่อน
สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งรั้งอันดับสองในข่ายนี้ขาดทุนเป็นจำนวน 984 ล้านยูโร ตามด้วย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง 914 ล้านยูโร , บาร์เซโลน่า 650 ล้านยูโร และ อาร์เซน่อล 583 ล้านยูโร
ทั้งนี้ ในโผ 20 อันดับแรกล้วนใช้เงินจ่ายตลาดติดลบทั้งสิ้นโดยอันดับที่หกเป็นต้นไปได้แก่ ยูเวนตุส , เอซี มิลาน , เอฟเวอร์ตัน , แอสตัน วิลล่า , เชลซี , อินเตอร์ , เวสต์แฮม , บาเยิร์น , ลิเวอร์พูล , นิวคาสเซิ่ล , สเปอร์ส , คริสตัล พาเลซ , เลสเตอร์ , ไบรท์ตัน และ วูล์ฟส์
