ภาวะ
ตลาดหุ้นไทยปิดเช้าบวก 4.85 จุด แกว่งแคบ-วอลุ่มบางหลังปัจจัยลบทั้งใน-ตปท.ยังกดดัน
SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,672.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขายราว 36,795.64 ล้านบาท นักวิ เคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งแคบบวก-ลบสลับกัน ตลาดเอเชียหลายแห่งยังปิดทำการเทศกาลตรุษจีน ส่งผลวอลุ่มบาง และยังมีหลายปัจจัยกดดันตลาดไปไหนได้ไม่ไกล โดยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกลับมาที่กว่า 9 พันรายสูงสุดรอบ 3 เดือน จึงมีแรงขายกลุ่มเปิดเมือง รวมทั้งแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนกลับมาร้อน แนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งแคบต่อ ให้แนวรับ 1,664 และ 1,660 จุด แนวต้าน 1,675 และ 1,680 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,672.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.85 จุด (+0.29%) มูลค่าการซื้อขายราว 36,795.64 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,673.75 จุด และระดับต่ำสุด 1,664.09 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์-รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวแคบๆ บวกลบสลับกันจากหลายปัจจัยกดดัน และหลายตลาดในเอเชียยังปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน เช่น จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ทำให้มีปริมาณการซื้อขายเบาบาง
สำหรับปัจจัยลบในประเทศมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมามากถึง 9,172 ราย สูงสุดในรอบ 3 เดือน 1 สัปดาห์จาก ณ วันที่ 30 ต.ค.64 ทำให้เกิดความกังวลว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะกลับไปทะลุ 1 หมื่นราย ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเปิดเมืองออกมาบ้าง
อีกทั้งมีแรงขายหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ HANA, KCE เนื่องจากเฟซบุ๊กประกาศผลกำไรต่ำกว่าคาดส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลง 22% และทำให้ดัชนี Nasdaq ร่วง 350 จุด หรือ 2% จึงกดดันหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
นอกจากนี้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนเริ่มรุนแรงขึ้นหลังจากยูเครนประกาศสู้เต็มที่หากรัสเซียบุกเข้ามา และสหรัฐก็ส่งทหาร 3 พันนายเข้าประชิดบริเวณรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดความเสี่ยง ส่วนผลประชุมโอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้มีแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน เป็น sell on fact
ปัจจัยเหล่านี้กดดันตลาดหุ้นทำให้ไปไหนได้ไม่ไกล และตลาดฯ ยังรอดูงบการเงินในไตรมาส 4/64 อย่างไรก็ดี นักลงทุนสถาบันหรือกองทุนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น แต่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มขาย
แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายคาดว่ายังแกว่งตัวแคบๆ ต่อไป โดยให้แนวรับที่ 1,664 และ 1,660 จุด แนวต้านที่ 1,675 และ 1,680 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,462.17 ล้านบาท ปิดที่ 65.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,058.66 ล้านบาท ปิดที่ 396.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 864.57 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 848.65 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
SIRI มูลค่าการซื้อขาย 841.23 ล้านบาท ปิดที่ 1.37 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท