ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนบวก หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,748.21 จุด พุ่งขึ้น 525.73 จุด หรือ +1.86% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,241.15 จุด เพิ่มขึ้น 502.09 จุด หรือ +2.12%
ทั้งนี้ นายพาวเวลได้แสดงความเชื่อมั่นในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เฟดไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป
นายพาวเวลคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งผลกระทบนี้จะไม่ทำให้แผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ของเฟดในปีนี้ต้องสะดุดลง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยแล้วนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เกิดจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 2.3% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8%
ส่วนดัชนี CPI ตลอดปี 2564 ของจีนปรับตัวขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากปี 2563 ที่ขยายตัว 2.5%
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวขึ้น 10.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่มีการขยายตัว 12.9% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 11.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี PPI ของจีนชะลอตัวลงในเดือนธ.ค.นั้น มาจากการที่รัฐบาลจีนเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาวัตถุดิบ และบรรเทาภาวะตึงตัวด้านพลังงาน