SSP สุดแจ่ม!
มั่นใจผลงานปี 64 โตเข้าเป้า รับรู้รายได้วินด์ฟาร์มเวียดนาม - LEO1 ญี่ปุ่น เต็มสปีด ดันกำลังผลิตปีนี้เกินเป้าแตะ 223 MW ทำผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่อง
SSP ประเมินผลงานปี64 สัญญาณดีเติบโตเข้าเป้า เนื่องจากเดินหน้ารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้ายามากะในญี่ปุ่นขนาด 30 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 เมกะวัตต์ รวมทั้งจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า LEO1 ในญี่ปุ่น 20 เมกะวัตต์ เต็มไตรมาส และวินด์ฟาร์มในเวียดนาม 48 เมกะวัตต์ ช่วงท้ายปี ฟากซีอีโอ "วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์" ระบุผลจากการรุกขยายลงทุน ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าปีนี้เติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้แตะ 223 MW สนับสนุนผลงานปีนี้ออลไทม์ไฮต่อเนื่อง เผยเตรียมพร้อมขยายลงทุนวินด์ฟาร์มเฟส 2 เร่งเจรจาปิดดีล M&A อีกหลายโครงการในปี 65 หนุนอนาคตเติบโตก้าวกระโดด
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจใน 64 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ผลจากการรับรู้รายได้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ยามากะในประเทศญี่ปุ่น มีขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 เมกะวัตต์ และจะรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO1 ในญี่ปุ่น 20 เมกะวัตต์ เต็มไตรมาส และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม(วินด์ฟาร์ม)ในเวียดนาม 48 เมกะวัตต์ ช่วงท้ายปี โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ระดับ 223 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถทำได้ดีกว่าที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับ 200 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้นทำให้มั่นใจว่าผลงานในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง และกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยผลักดันให้การดำเนินธุรกิจในปี 65 เติบโตแบบก้าวกระโดด
"แนวโน้มภาพรวมของปีนี้ยังสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นและเป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีกำลังการติดตั้ง 48 เมกกะวัตต์ เข้าระบบเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่บริษัทฯมีแผนจะพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม เวียดนามในเฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ เพื่อต่อยอดธุรกิจด้านพลังงานลม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนทำการศึกษาและเตรียมพัฒนาโครงการ ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนที่ M&A โครงการต่างๆอีกหลายโครงการในปี 65 ซึ่งอยู่ในช่วงศึกษาเจรจาคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท เพื่อผลักดันให้การมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือทะลุเป้าหมายที่ระดับ 400 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 โดยล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ของบริษัท โนวา เอมไพร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOVA จำนวน 16,430,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.64 % ของหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 10.35 บาท มีมูลค่ารวม 170,050,500 บาท ซึ่ง NOVA เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย แบ่งเป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม กำลังการผลิต 44.85 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 26.25% และลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา กำลังการผลิต 7.825 เมกะวัตต์ ในสัดส่วน 100%
ADVERTISEMENT
อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีพันธมิตรสนับสนุนการต่อยอดธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านการถือสิทธิในการเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 25% สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ NOVA จะได้มาในอนาคตโดยเฉพาะโครงการในประเทศที่อยู่ในเขตภูมิภาคอาเซียน
รวมทั้งยังมีแผนการดำเนินงานในอนาคตเตรียมจะขยายการลงทุน Solar Rooftop ในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายในไตรมาส 4 ปี 2564 ถึงปี 2565 จะทยอย COD ประมาณ 17 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Leo 2 ในประเทศญี่ปุ่นขนาด 17 เมกะวัตต์ โดยอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะ COD ได้ในปี 2566 ต่อไป
อนึ่งผลการดำเนินงานสำหรับงวดไตรมาส 3/2564 สิ้นสุด 30 กันยายน 2564 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% สำหรับกำไรหลักจากการดำเนินงานจำนวน 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงาน 33.6 % ของรายได้รวม