͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของไวรัส  (อ่าน 63 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ kaidee20

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16453
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ความเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของไวรัสเพิ่มเติมจากที่เราเห็นในสายพันธุ์อัลฟ่า และสายพันธุ์เดลต้าคืออะไร?

ความเสี่ยงดังกล่าวนั้นยากที่จะวัดออกมาเป็นตัวเลข แต่เชื้อจะกลายพันธุ์ต่อเมื่ออยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงถือเป็นความเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อที่สูงในพื้นที่ที่มีประชากรจำนวนมาก เนื่องจากไวรัสมีโอกาสที่จะกลายพันธุ์มากขึ้น ดังนั้น เราจึงไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีไวรัสสายพันธุ์อื่นที่เหนือกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ความเสี่ยงนั้นยังถือว่าอยู่ในระดับสูง

 

วัคซีนบูสเตอร์มีความจำเป็นในการทำให้สถานการณ์ของสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรกลับคืนสู่ปกติหรือไม่?

แม้ว่าจะมีหลักฐานบ่งบอกถึงปริมาณภูมิคุ้มกันที่ลดลงหลังได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว แต่ยังถือว่าเป็นแอนติบอดี “ด่านหน้า” ของภูมิคุ้มกัน

 

ในขณะเดียวกัน เนื่องจาก T-Cells และ B-Cells สามารถจดจำวิธีการสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับไวรัสได้ การรับวัคซีนจึงช่วยป้องกันการเสียชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ได้ แม้หลังจากการรับวัคซีนมาแล้วเป็นระยะเวลานานก็ตาม

 

หนึ่งในกรณีเปรียบเทียบที่ชัดเจน คือการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าต้องฉีดวัคซีนครบ 3 โดสเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างเต็มที่ ในส่วนของสายพันธุ์เดลต้าดูเหมือนว่าจะมีความคล้ายคลึงกับไวรัสตับอักเสบบี โดยต้องการการฉีดวัคซีนให้ครบสามเข็มเพื่อให้การป้องยังคงอยู่ได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติตามแนวทางนี้ทำให้เกิดปัญหาด้านจริยธรรม เนื่องจาก ในขณะนี้ประเทศที่กำลังพัฒนาส่วนใหญ่ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ต่ำและไม่เพียงพอ และมีข้อโต้แย้งว่าควรจัดสรรวัคซีนให้ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนให้ครบ ก่อนที่จะใช้เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดสที่สาม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอาจจำเป็นต้องมอบวัคซีนเข็มที่สามให้แก่ประชาชนเพื่อเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

 

ในแง่ของภาวะปกติก่อนเกิดโรคระบาด ในระยะยาวหลายประเทศอาจจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการรับคนไข้ในโรงพยาบาล เพื่อเป็นการรับมือกับคลื่นฤดูหนาวของทั้งโควิด-19 และไข้หวัดใหญ่พร้อมกัน