͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว รัฐบาลจะกำหนดมาตรการใหม่ของโรคโควิด-19 หรือไม่  (อ่าน 74 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Ailie662

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14271
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว รัฐบาลของทั้งสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกจะกำหนดมาตรการใหม่ของโรคโควิด-19 หรือไม่?

เนื่องจากจำนวนยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐอเมริกากำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง จึงดูเหมือนว่าทางการกำลังจะเดินทางไปสู่มาตรการที่ผ่อนคลายลง

แม้ว่าอัตราการติดเชื้อจะแตกต่างกันไป แต่โดยภาพรวมแล้วเราคาดว่ายอดผู้ติดเชื้อใหม่ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มลดลงเนื่องจากจำนวนผู้ที่ติดเชื้อไปแล้วค่อนข้างมาก ประกอบการกับฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น ทำให้การติดเชื้อเป็นไปได้ยากขึ้น เช่นเดียวกับ บราซิล ซึ่งมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตไปแล้วเป็นจำนวนมาก ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น ทำให้ผู้คนแทบจะกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติและมีมาตรการควบคุมเพียงเล็กน้อย

ในปีที่แล้วมาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้คนยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนของประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนและภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติจากการติดเชื้อครั้งก่อนเป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ระบบสาธารณสุขจะรับมือไม่ไหวอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ในช่วงฤดูหนาว เราอาจเห็นจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นและเกิดความตึงเครียดภายในโรงพยาบาล แต่การเข้าสังคมและการพบปะสังสรรค์ที่น้อยลงจากที่เราเห็นในปัจจุบันนี้จะช่วยชะลอจำนวนผู้ติดเชื้อลง

เราคาดว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีผลกระทบต่อการแพร่ระบาด เช่น กรณียอดผู้ติดเชื้อที่มีจำนวนลงลดอย่างมากในรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกาบางแห่ง อาทิ ลุยเซียนาและฟลอริดา แต่ในทางกลับกัน ยอดการติดเชื้อนั้นเริ่มเพิ่มขึ้นในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียและเพนซิลเวเนีย

โรคโควิด-19 ถือเป็นไวรัสที่แพร่ระบาดในอากาศ และจะสามารถกระจายได้ดีที่สุดเมื่อผู้คนหายใจโดยใช้อากาศร่วมกัน ในฤดูร้อนทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกานั้นร้อนมากจนผู้คนเลือกที่จะสังสรรค์ภายในบ้านพร้อมกับการเปิดเครื่องปรับอากาศ ทำให้การแพร่กระจายในครัวเรือนเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น แต่ในฤดูที่มีอากาศเย็นลง ทำให้ผู้คนก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตกลางแจ้งได้มากขึ้น ในทางตรงกันข้าม รัฐทางตอนเหนือของสหรัฐอเมริกาจะเป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิค่อนข้างหนาวเย็นมากจนทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน แต่เลือกที่จะพบปะกันภายในบ้านมากขึ้น จึงพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหรือลดลงช้ากว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น