ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันศุกร์ (8ต.ค.)ปรับตัวขึ้น 1.05 ดอลลาร์ จากการที่รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์)
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่ภาคอุตสาหกรรมหันมาใช้พลังงานน้ำมัน หลังจากที่ราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งขึ้นในระยะนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ พุ่งขึ้น 1.05 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ราคา 79.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ราคา 82.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 7 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงขาขึ้นที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2556
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นมากกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปีนี้
กระทรวงพลังงานสหรัฐออกแถลงการณ์วานนี้ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่มีแผนที่จะระบายน้ำมันจากเอสพีอาร์เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า นางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีพลังงานสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาระบายน้ำมันจากเอสพีอาร์เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันเบนซินในประเทศ นอกจากนี้ นางแกรนโฮล์มยังระบุว่า รัฐบาลอาจประกาศห้ามส่งออกน้ำมันดิบเพื่อให้ปริมาณน้ำมันยังคงเพียงพอในสหรัฐ
คำกล่าวของนางแกรนโฮล์มส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ร่วงลงทันทีเมื่อคืนนี้ แต่ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไม่มีแผนที่จะระบายน้ำมันแต่อย่างใด
ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. แม้ว่าหลายประเทศ เช่น สหรัฐและอินเดีย ต่างกดดันให้โอเปกพลัสเพิ่มกำลังการผลิตมากกว่านี้เพื่อชะลอการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน