͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: “เคอี กรุ๊ป” รุก “Real Estate Private Equity” นำร่องลงทุน "อินเตอร์คอนฯ หัวหิน"  (อ่าน 95 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13350
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


เผยเคอี กรุ๊ป รุก “Real Estate Private Equity” ประกาศลงทุนหุ้นบุริมสิทธิ 600 ล้านบาท ใน “หัวหิน อัลฟ่า 71” เจ้าของ InterContinental Residences Hua Hin พร้อมโชว์ผลตอบแทนจากการลงทุน 7.5% ในปีแรก

นายนนท์ บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส จำกัด (KE Capital Partners) หรือ KECP กล่าวว่า ได้เป็นผู้ประสานงานการลงทุนให้เคอี กรุ๊ป โดยมีนายกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานกรรมการ เคอี กรุ๊ป และพันธมิตรร่วมในการลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิ มูลค่า 600 ล้านบาท ของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด เจ้าของโครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน (InterContinental Residences Hua Hin ซึ่งให้ผลตอบแทนในการลงทุน 7.5% ในปีแรก และ 10% ในปีต่อไป รวมระยะเวลา 3 ปี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี

โดยโครงการนี้มีมูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท มีจุดขายที่เป็น Branded Residence โครงการแรกของ Inter Continental ในไทย เป็น 1 ใน 9 แห่งของโลกที่ใช้แบรนด์เรสซิเดนซ์นี้ เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี ซึ่งตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างหัวหิน อยู่ในทำเลที่ดินติดหาดใจกลางเมืองและติดกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รวมถึงมียอดขายสะสมที่สูงกว่า 74% จากผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง โดยโครงการมีแผนการโอนในปี 2565 โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่เหนือกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป เช่น สปา หรือพื้นที่จัดเลี้ยงริมหาด (Beach Pavilion) มีราคาเฉลี่ยกว่า 240,000 บาทต่อ ตร.ม.

น.ส.พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จอย่างมากในการระดมทุน โดยการออกหุ้นบุริมสิทธิของบริษัท หัวหิน อัลฟ่า 71 จำกัด ผู้พัฒนาโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มูลค่า 600 ล้านบาท ให้ เคอี กรุ๊ป ซึ่งมีกวีพันธ์ เอี่ยมสกุลรัตน์ และพันธมิตรร่วมเป็นผู้ลงทุน โดยมีบริษัท เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นผู้ประสานงานการลงทุน

“เคอี แคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส (KECP) ทำหน้าที่บริหารจัดการการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ด้วยมุมมองที่ต้องการกระจายการลงทุนไปสู่ทรัพย์สินในการลงทุนทางเลือก (Alternative Assets) เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทน และลดความเสี่ยง รวมทั้งต้องการแนะนำนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพให้ได้มีโอกาสไปลงทุนในโครงการที่ดีทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการมีพันธมิตรร่วมที่เป็นบริษัท หรือแฟมิลี่ออฟฟิศ (Family Office) ที่มีความสนใจในการลงทุน”

โดยในไทยเน้นการร่วมลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ คอนโดมิเนียม และโรงแรมร่วมกับพันธมิตรบริษัทอสังหาฯ และเชนโรงแรม ซึ่งจะทำให้บริษัทอสังหาฯ รวมถึงเจ้าของที่ดินในประเทศสามารถนำเงินที่ได้ไปใช้ในการขยายธุรกิจเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป ส่วนการลงทุนในต่างประเทศบริษัทมีข้อได้เปรียบอย่างมากในการหาโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง ด้วยมีเน็ตเวิร์ก และพาร์ตเนอร์ที่อยู่ในวงการลงทุนชื่อดัง และมีสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีในหัวเมืองที่สำคัญ มีผลตอบแทนชัดเจนและมูลค่าเพิ่มที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ กล่าวคือเฉลี่ยมากกว่า 18-20% ในสหรัฐอเมริกา