͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: นายกฯ ยันน้ำไม่ท่วมเท่าปี 54 สั่งรับมือ-เยียวยา  (อ่าน 98 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chigaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13687
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


"ประยุทธ์" เยือนนนทบุรีติดตามสถานการณ์น้ำ ชี้ไม่ท่วมเท่าปี 54 สั่งเตรียมแผนรับ-เยียวยา ยันจะอยู่เพื่อทำงานตรงนี้ขออย่าทำอะไรไม่เกิดประโยชน์ เผยในหลวงทรงห่วงปชช. รับสั่งเสมอให้ดูแลให้ประเทศยั่งยืนไปข้างหน้า ย้ำต้องให้เกิดผลสัมฤทธิ์

วันนี้ (30 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.50 น. ที่ท่าน้ำเทศบาลปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายอนุชา นาคาศัยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและส.ส.พรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำท่วมรอบเกาะเกร็ด รับฟังแนวทางป้องกัน และลดผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเนื่องจากมีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านบางกลุ่มเคลื่อนไหวขับไล่การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ในครั้งนี้

โดยจุดแรกนายกรัฐมนตรีเดินทางมาที่ศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด มีนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ผู้บริหาร และมีประชาชนบางส่วนหนึ่งมารอต้อนรับ พร้อมถือป้ายให้กำลังใจและตะโกนให้"นายกฯ สู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ" และขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ขณะที่นายกฯได้ชูมือเป็นสัญลักษณ์ไอเลิฟยู พร้อมทักทายประชาชนและเด็กๆ ว่า "เรียนให้เก่งๆ รักคุณพ่อคุณแม่ให้เยอะๆนะ ครอบครัวสำคัญที่สุด" และระหว่างอยู่บนเวทีเพื่อถ่ายรูปกับภาคส่วนต่างๆนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำมือขวาแล้วนำไปวางที่หน้าอกด้านซ้ายตรงหัวใจ ก่อนจะขว้างส่งให้กับกลุ่มประชาชนที่สนับสนุน สร้างเสียงกรี๊ดดังลั่น

จากนั้นนายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากศาลาท่าเรือเทศบาลนครปากเกร็ด โดยเรือตรวจการณ์เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และตรวจเยี่ยมการสร้างคันกั้นน้ำ ที่จะดำเนินการสร้างทั้งหมดความยาว 50 กิโลเมตร ดำเนินการ แล้วเสร็จ 18 กิโลเมตร พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมบ้านเรือนประชาชนที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับผลกระทบบางส่วน ตลอดจนติดตามการก่อสร้างแนวกำแพงป้องกันน้ำมท่วมรอบเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ดด้วย ทั้งนี้ เส้นทางการตรวจเยี่ยมทางเรือมีระยะทางประมาณ 12.5 กิโลเมตร

โดยระหว่างอยู่บนเรือพล.อ.ประยุทธ์รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำจากผู้ว่าฯนนทบุรี จากนั้นนายกฯกล่าวถึงข้อกังวลและห่วงใยในการพร่องน้ำว่า ถ้าถามว่ากังวลไหม กังวล ถามว่าห่วงไหม ห่วงเพราะประเทศไทยวันนี้อยู่ฤดูมรสุม พายุก็เข้ามา เตี้ยนหมู่เพิ่งเข้ามา เราต้องติดตามสถานการณ์โลกไว้ว่าจะทำอย่างไรเตรียมการรับความพร้อมในเรื่องเหล่านี้ เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่เราห้ามไม่ได้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ สิ่งสำคัญที่ย้ำอยู่เสมอวันนี้โลกร้องให้ดูแลเขา ถ้าไม่ดูแลก็จะเกิดวิกฤตกาลต่างๆนี้ขึ้นมาในโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ฝนแล้ง อุทกภัยต่างๆจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือคนไทยต้องเตรียมตัวเตรียมความพร้อม เราจะอยู่กับธรรมชาติยุคนี้ได้อย่างไรเพราะฉะนั้นต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมจะดูแล

นายกฯกล่าวว่า วันนี้เป็นห่วงในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ตอนนี้ในคันกั้นน้ำยังต่ำกว่าคันเกือบเมตร สิ่งสำคัญที่สุดซึ่งตนก็ได้ศึกษามาบ้างแล้ว และได้รับฟังคำชี้แจงจากกรมชลประทาน ในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการระบายน้ำออกทางคลองด้านข้าง ตัดตอนน้ำที่มาจากภาคเหนือตอนล่าง และมีคลองหลายคลองที่จะนำออกสู่ทะเลให้เร็วขึ้น ช่วงนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ก็ขอให้ติดตามกรมอุตุนิยมวิทยาด้วย ระบบของเราที่เตรียมความพร้อมไว้หลายปีที่ผ่านมาก็ค่อนข้างจะมีความพร้อมมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เราต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น และสิ่งสำคัญการดำเนินโครงการต่างๆต้องผ่านประชามติและความเห็นชอบของประชาชนด้วย ถ้าไม่ผ่านก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม มันติดปัญหาที่ประชาชนยังไม่เห็นชอบร่วมกัน เพราะมีคนเดือดร้อน มีคนที่ไม่เดือดร้อน ก็ขออย่างเดียวขอความร่วมมือ เพราะนายกฯบังคับใครไม่ได้ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ช่วยกันเก็บผักตบชวา ช่วยกันขจัดขยะ อย่ารอให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างเดียว บางอย่างมันเกิดขึ้นบนฝั่ง ผักตบเกิดจากแหล่งน้ำบนฝั่งหลุดมากระจายลงแม่น้ำลำคลองไปด้วย บ้านใครบ้านมันช่วยกันเก็บเอาไปทำประโยชน์ทำปุ่ยดีกว่าปล่อย

“นั่นคือหน้าที่ เราต้องไปด้วยกัน ภาครัฐ ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ธุรกิจ เอกชน ทุกคนต้องช่วยกัน ถึงจะพลิกโฉมของเราให้ได้พ้นจากโลกปัจจุบันให้เราอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งสองพระองค์ทรงรับสั่งเสมอมา และรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงตรงนี้ รับสั่งกับผมเสมอเวลาเข้าเฝ้าราชการ ให้ดูแลประชาชนให้มีความสุข ให้เขาปลอดภัย ให้ประเทศชาติยั่งยืน เดินไปข้างหน้า มีเสถียรภาพ เราก็จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาให้ได้”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เห็นแล้วจากผู้ว่าฯ งบประมาณที่ให้ไปหลายปีไปแล้ว ก็มากพอสมควร แต่ก็ยังทำไม่ครบหรอก ที่ผ่านมาทำได้น้อยมาก วันนี้ประชาชนก็เริ่มร่วมมือมากขึ้นๆก็จะทำไปเรื่อยๆตามที่เรามีงบประมาณทยอยให้มา ก็ขอขอบคุณทุกคน ทั้งผู้ว่าฯ นายกเทศมนตรี ซึ่งก็รู้ปัญหาดีคนในพื้นที่ วันนี้เดินหน้าประเทศต้องเดินด้วยเกษตรกรรมที่มีมูลค่าสูง เกษตรกรรมที่อาศัยการวิจัยและพัฒนาจากความหลากหลายทางชีวภาพ เราต้องปรับทุกแบบทั้งหมด นี่คือการพลิกโฉมประเทศไทยของเรา ทั้งเรื่องแก้ปัญหาน้ำท่วม แก้ปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้ครัวเรือน เยอะแยะไปหมด รัฐบาลจะทำเต็มที่ เพราะฉะนั้นนี่คือสิ่งที่อยากฝากประชาชนไว้ว่าตนอยู่ก็เพื่ออย่างนี้ เพื่อที่จะทำงานตรงนี้ ก็สุดแล้วแต่จะว่ายังไงกันไป

นายกฯกล่าวว่า การลงพื้นที่ก็ตรวจโครงการต่างของรัฐบาลไปด้วย เราไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องที่เรามา แต่ดูตั้งแต่หน้าตาประชาชนมีความสุขหรือไม่ ดูขยะ ดูผักตบชวา ชีวิตความเป็นอยู่ สีสันของบ้านเมือง นี่คือศักยภาพเราอยู่แล้ว ต้องหาให้เจอ แล้วเอาสิ่งที่เป็นจุดขายประเทศไทย ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น มันไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้นจะทำอะไรก็แล้วแต่เวลานี้ ใช่ไหม พื้นที่ประเทศไทยมีอยู่ 5 แสนกว่าตารางกิโลเมตร ไม่เล็กและไม่ใหญ่ แล้วเปรียบเทียบเรื่องโควิดเราบริหารจัดการได้ดีกว่าเขา ซึ่งหลายประเทศก็มีปัญหา เรามีคนเกือบ 70 ล้านคนโดยประมาณ ก็ฉีดวัคซีนได้เกือบครบแล้ว วันนี้บางประเทศรวยๆยังฉีดไม่ครบ สิ่งดีๆหาให้เจอ อย่าไปจับผิดแต่สิ่งที่มันกำลังทำอยู่ ยังไงมันก็เจอแบบนั้น เพราะมันยังไม่เสร็จ

นายกฯกล่าวอีกว่า เรื่องดิจิทัลก็ต้องส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึง แพตฟอร์มต่างๆกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำลังทำอยู่ ซึ่งปัญหาหลายอันก็มีกฎหมายต้องเข้าสภา จึงอยากฝากฝ่ายนิติบัญญัติช่วยเร่งรัดกฎหมายพวกนี้หน่อย กฎหมายใหม่ กฎหมายที่ไม่ทันสมัยที่ปรับแก้ อย่ามัวแต่ไปเอากฎหมายอื่นๆที่มีความสำคัญน้อยกว่าไปพิจารณา มันจะได้ทันแก้ปัญหาประเทศได้โดยเร็ว ต้องทำงานด้วยกันบริหารและนิติบัญญัติ

จากนั้นเวลา 15.00น. นายกรัฐมนตรีแวะที่ท่าเรือพิบูลย์สงคราม 4 เพื่อเยี่ยมเยียนและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่เดือดร้อน นายกฯกล่าวว่า"รัฐบาลจะพยายามดูแลความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด รักทุกคนนะจ๊ะ" อีกทั้งมีชาวบ้านตะโกนว่า "ลุงตู่สู้ๆ สู้ตาย" นายกฯ จึงกล่าวตอบว่า"อย่าตายสิ" นอกจากนี้มียังมีชาวบ้านกล่าวว่า ใครให้ลาออกไม่ต้องออก ให้นายกฯสู้หัวทะลุฝาไปเลย ทำให้นายกฯ กล่าวตอบว่า"เหรอ จ๊ะ ไม่กลัวหัวแตกเหรอ โอ้โหว นี่ดุเดือดดีนะ" ชาวบ้านจึงกล่าวว่า เห็นนายกฯโดนมาเยอะ นายกฯ กล่าวว่า"เราต้องชิน ต้องดูแลคนไทย ให้เวลาเราหน่อย เราจะทำทุกอย่างที่ทำมาแล้วให้เสร็จ"

ทั้งนี้ระหว่างพบประชาชนนายกฯ กล่าวว่า"ความรักความห่วงใยนายกฯ ลอยไปกับอากาศให้คนทั้งประเทศ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง"พร้อมเอามือตบที่หน้าอก จากนั้นมีชาวบ้านบอกว่าปี54 น้ำท่วมสูงถึงคอ นายกฯ จึงกล่าวว่า "ปีนี้ไม่ถึงหรอก เราพยายามทำเต็มที่และเราทำเพิ่มเติมมามากจากช่วงนั้น"
จากนั้นเวลา 15.30 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ชุมชนตลาดขวัญ นายกฯตรวจเยี่ยมการบูรณะศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี