͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: คริสติยอง ลูบูแต็ง “แฟชันสร้างความแตกต่างได้”  (อ่าน 118 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Joe524

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15802
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


แม้ว่าจะไม่ใช่สายแฟชัน แต่ยังไงก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของ คริสติยอง ลูบูแต็ง ดีไซเนอร์ชาวปารีสอยู่บ้าง โดยเฉพาะ ตอนที่ซีรีส์ทางช่องเอชบีโอ อย่าง Sex and the City กำลังฮิตไปทั่วโลก ที่นางเอกแฟชันนิสตา แคร์รี แบรดชอว์ มักจะ “พูดคุย” กับรองเท้าในฝันของเธอ ณ ตู้โชว์หน้าร้านลูบูแต็งเสมอ

รองเท้าส้นแหลมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ คือ ภาพจำของสาวกแฟชันเมื่อนึกถึงลูบูแต็ง ซึ่งแสดงถึงการเป็นสาวที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เซ็กซี่ และทรงพลัง เป็นรุ่นที่ คริสติยอง ออกแบบมาตั้งแต่ปี 1992 -- โดยไม่ได้ตั้งใจ

เช่นเดียวกับรองเท้าที่เขาสร้างสรรค์ ดีไซเนอร์ ได้ถ่ายทอดความสุขและความมั่นใจตอนให้สัมภาษณ์ผ่านซูม... “แฟชั่นเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร และนักออกแบบก็สื่อสารถึงความสุข ต้องการสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คนเมื่อได้สวมใส่สิ่งที่คุณการออกแบบ คงจะเป็นเรื่องยากที่จะสื่อสารความสุขออกไป หากคุณไม่มีความสุขกับตัวเองก่อน”



สำหรับ คริสติยอง ลูบูแต็ง สิ่งที่มากกว่านั้นคือ เขาเชื่อว่า แฟชั่นสามารถทำให้เกิดเสียงที่คนไม่เคยได้ยินได้ เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 1 ปี หลังจากโศกนาฏกรรมของการฆาตกรรม จอร์จ ฟลอยด์ ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส ได้ร่วมมือกับ ไอดริสและซาบรินา เอลบา คู่รักผู้ทรงอิทธิพลของฮอลลีวูดในคอลเลกชั่นแคปซูล Walk a Mile in My Shoes ซึ่งรายได้จากการขายรองเท้าคอลเลกชันนี้ 100% จะนำไปสนับสนุนองค์กรที่ทำงานเพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม และสนับสนุนต่อสู้เพื่อความยุติธรรมต่างๆ ของผู้ด้อยโอกาส

สามี-ภรรยาเอลบา เป็นเพื่อนสนิทของ คริสติยอง ลูบูแต็ง ทั้งคู่เข้าร่วมรณรงค์ในแคมเปญ Black Lives Matter อย่างแข็งขัน โดยเลือกเอาวันครบรอบ 1 ปี การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์เป็นวันเปิดตัวคอลเลกชัน เพื่อที่จะได้รำลึกถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าร่วมกัน

ลวดลายบนรองเท้าโดยได้รับแรงบันดาลใจจากนักต่อสู้เพื่อความยุติธรรม อย่าง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ และเนลสัน แมนเดลา คอลเลกชันนี้แสดงความมีเสรีภาพ เสมอภาค และความยุติธรรม ประกอบด้วย รองเท้าส้นเข็มและกระเป๋าถืออันเป็นเอกลักษณ์ของ ลูบูแต็ง รวมทั้ง รองเท้าหนังแบบผูกเชือกและรองเท้าของผู้ชาย ทั้งหมดพิมพ์ด้วยสโลแกน “Walk a Mile in My Shoes” รายได้ทั้งหมดจะเข้าไปสมทบทุนองค์กรการกุศล 5 แห่งที่ได้รับการคัดเลือกโดยดีไซเนอร์และสามี-ภรรยาเอลบา

“เราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยข่าวสารข้อมูล สิ่งต่าง ๆ ถูกลืมอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางเรื่องเราก็ไม่ควรจะลืมไป การสร้างคอลเลกชั่นนี้ก็เพื่อย้ำเตือนว่า เราไม่ควรจะทนให้เกิดความรุนแรงที่เปล่าประโยชน์ ชีวิตจะดีขึ้นต่อเมื่อมันดีสำหรับทุกๆ คน”



คริสติยอง ลูบูแต็ง ยังได้ขยายโทนสีนู้ดของแบรนด์ให้ครอบคลุมสีผิวถึง 8 สี “ในยุค 60 - 70 แฟชั่นเคยเป็นชนชั้นสูง แต่ทุกวันนี้แฟชันเป็นเรื่องของทุกคน เป็นเครื่องมือขนาดใหญ่ในการสื่อสารระหว่างชุมชนต่างๆ มากมาย เป็นเครื่องมือการแสดงออกถึงความเป็นเอกเทศ ชุมชนแฟชั่นขยายตัวกว้างขึ้น และนั่นเป็นสิ่งที่ดี”

คริสติยอง ลูบูแต็ง เกิดที่กรุงปารีส ในปี 963 เขามีพี่สาว-น้องสาว 3 คน ซึ่งทำให้ค่อนข้างเข้าใจความต้องการของผู้หญิง ช่างทำรองเท้าเริ่มหัดสเก็ตช์ออกแบบรองเท้าตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เขาได้โอกาสไปฝึกงานกับ โรแชร์ วิวิเยร์ นักออกแบบรองเท้าคนดัง รวมทั้งได้ร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำในฐานะฟรีแลนซ์ให้ชาเนลและอีฟส์ แซงต์ โลรองต์

คริสติยอง ก่อตั้งธุรกิจรองเท้าของตัวเองขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 90 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงส่วใหญ่ยังคงแต่งกายด้วยสีโมโนโครม (โทนเดียว) ขณะที่ ลูบูแต็ง นำเสนอรองเท้าสีแดงสด ที่เขามองว่าเป็น “สากล” ลงบนฝ่าเท้าของพวกเขา



ลูกค้ารายแรกๆ สุดของเขา มีทั้ง เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก และทุกวันนี้ ได้ขยายไปสู่ราชวงศ์ต่างๆ และดาราฮอลลีวูดระดับแนวหน้า

“ผู้หญิงมีหลายแง่มุม ในคนเดียวก็มีหลายบุคลิก ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นเรื่องเยี่ยมมาก” ดีไซเนอร์คนเดิมกล่าว

แม้ว่าการออกแบบที่โด่งดังของเขามักจะเกี่ยวข้องกับความเป็นผู้หญิงและความเซ็กซี่ ขณะเดียวกัน คริสติยองยังมีอีกภาคที่หลายคนไม่รู้จัก เขาเป็นผู้บุกเบิกวงการเทรนนิงที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ด้วย “ตอนนี้ผู้คนน่าทึ่งมากที่รู้ว่า ผมเคยเป็นเทรนเนอร์มาก่อน เมื่อ 25 ปีที่แล้ว สมัยก่อนเคยออกแบบกางเกงขสม้าด้วยนะ”

ในนิทรรศการ Christian Louboutin: L’Exhibition[nist] ซึ่งเพิ่งจัดแสดงผลงานของเขา ณ ปาเลส์ เดอ ลา ปอร์กต์ ดอเร ของกรุงปารีส เผยให้เราได้เห็นผลงานออกแบบของเขาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยรวบรวมตั้งแต่ ภาพสเก็ตช์ไปจนถึงรองเท้าที่ทำเสร็จแล้ว หลายชิ้นไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน รวมทั้ง รองเท้าหนังปลาแมคเคอเรล ที่ออกแบบในปี 1987

“ผมชอบการทดลอง ชอบชิ้นงานที่ไม่ซ้ำแบบใคร มันทำให้ผมมีพื้นที่หายใจ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผมในการออกแบบ การปล่อยให้งานมีอิสระและไม่ต้องนึกถึงด้านธุรกิจ” เขาอธิบาย



“ความคิดสร้างสรรค์ของคุณจะยืนยาว เมื่อคุณยังคงเป็นตัวของตัวเอง”

นิทรรศการเดียวกันจะเดินทางมาเปิดแสดงในหลายเมืองในประเทศจีนเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญมากสำหรับแบรนด์ในตอนนี้

ลูบูแต็ง ได้แตกไลน์มาผลิตรองเท้า กระเป๋าถือ น้ำหอม และเครื่องสำอางของผู้ชายด้วย ซึ่งทำให้จักรวาลของลูบูแต็งขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในเดือนมีนาคม 2021 ครอบครัวอัญเนลลิ มหาเศรษฐีของอิตาลี เข้าถือหุ้นร้อยละ 24 ในอาณาจักร คริสติยอง ลูบูแต็ง มูลค่า 541 ล้านยูโร โดยประเมินมูลค่าทั้งบริษัทอยู่ที่ 2,640 ล้านดอลลาร์ เขาอาจมีภาพลักษณ์ในการออกแบบรองเท้าสำหรับคนรวยและคนดัง แต่ คริสติยอง บอกว่า เขาไม่ได้เฉพาะเจาะจงลงไปเลย

“ผมได้รับแรงบันดาลใจจากผู้รอดชีวิต หมายถึง ความคิดของผู้คนที่ไม่ถูกปิดกั้นให้อยู่ในโลกเดียวและสามารถอยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน”